🤑 ราคาไม่ได้ถูกมากไปกว่านี้แล้ว รับเลยส่วนลด Black Friday 60% ก่อนที่จะหมดเขต….รับส่วนลด

3 หุ้นเด่นที่อาจขึ้นต่อจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา

โดยInvesting.com
ผู้เขียนJesse Cohen
เผยแพร่ 08/04/2564 15:02
US500
-
JBLU
-
LUV
-
DRI
-
SPG
-
DAL
-
UAL
-
CAKE
-
SAVEQ
-
TXRH
-
REG
-
SKT
-
AAL
-
BRX
-
PLAY
-
MESA
-

การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างการกระจายวัคซีนต้านโควิดและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของโจ ไบเดนทำให้ตลาดหุ้นวอลล์ สตรีทของอเมริกาคึกคักเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากการที่ดัชนีสำคัญอย่างเอสแอนด์พี 500 ที่ขยับตัววิ่งเข้าใกล้ 4,100 จุดได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์S&P 500 Weekly Chart

ท่ามกลางช่วงเวลาเช่นนี้ นักลงทุนจึงเร่งตามหาหุ้นที่เคยหมดความนิยมในช่วงโควิดและคาดว่ากำลังจะกลับมาทำกำไรอีกครั้ง ในบทความนี้เราจะพาไปดูหุ้นสามตัวที่คาดว่ามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในสัปดาห์หน้าจากสภาพแวดล้อมเชิงบวกที่เข้ามาหนุนเศรษฐกิจอเมริกาอย่างต่อเนื่อง

1. Dave & Buster's Entertainment

ผลประกอบการตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +49.1%

บริษัทเจ้าของธุรกิจร้านอาหารและเกมตู้ ‘เดฟแอนด์บัสเตอร์’ (NASDAQ:PLAY) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ‘ดีแอนด์บี’ คือหนึ่งในบริษัทที่ได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ยิ่งชาวอเมริกันได้รับวัคซีนมากเท่าไหร่ ย่อมหมายความว่าโอกาสที่ผู้คนจะกลับมารับประทานอาหารที่ร้าน ใช้ชีวิตตามปกติก็จะมีมากขึ้น

นับตั้งแต่ลงไปสร้างจุดต่ำสุดตลอดกาลในเดือนมีนาคมปี 2020 ที่ $4.61 ปัจจุบันหุ้นของดีแอนด์บีซึ่งมีร้านอยู่ 133 สาขาทั่วอเมริกาสามารถปรับตัวกลับขึ้นมาแล้วมากถึง 870% หากนับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบันพบว่าหุ้นดีแอนด์บีได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วเกือบ 50% ปัจจุบันราคาหุ้นสามารถวิ่งกลับขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันกับตอนก่อนโควิดระบาดได้แล้วที่ $51.73 สร้างจุดปิดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $44.78 บริษัทมีมูลค่าตลาดรวมแล้วทั้งสิ้น $2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ

PLAY Weekly Chart

การรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่สี่ปี 2020 ของบริษัทเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแม้จะเพิ่มขึ้น ($116.8 ล้านเหรียญเทียบคาดการณ์ $101.7 ล้านเหรียญ) แต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ การปันผลกำไรคืนให้กับผู้ถือหุ้นมีตัวเลขลดลง $1.19 ต่อหุ้น แต่ก็ยังถือว่ามากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ที่ $1.25 ต่อหุ้น

ดีแอนด์บีบอกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของไตรมาสที่หนึ่งในปี 2020 นี่คือผลงานที่ดีที่สุดในรอบหนึ่งปีนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาด และจากความสามารถในการกระจายวัคซีนของอเมริกายิ่งทำให้เชื่อได้ว่ามีโอกาสที่กำไรของหุ้นดีแอนด์บีจะเติบโตขึ้นอีกในไตรมาสถัดไป

หุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันที่น่าสนใจ: Darden Restaurants (NYSE:DRI), Cheesecake Factory (NASDAQ:CAKE), Texas Roadhouse (NASDAQ:TXRH)

2. Southwest Airlines

ผลประกอบการตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +37.5%

หากพูดถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในช่วงของการแพร่ระบาดย่อมต้องพูดถึงธุรกิจสายการบิน และในช่วงเวลาที่ทุกอย่างกำลังจะกลับมาเป็นปกติแล้ว จะมีหุ้นกลุ่มไหนที่จะเติบโตได้ดีกว่าหุ้นกลุ่มนี้อีก ในวันนี้เราขอแนะนำหุ้นของสายการบินโลว์คอสต์ ‘เซาท์เวสต์ แอร์ไลน์’ (NYSE:LUV)

ข้อมูลจากหน่วยงานด้านความปลอดภัยในการเดินทางของสหรัฐอเมริกา (TSA) ระบุว่ามีชาวอเมริกันเกือบห้าล้านคนที่เดินทางมาเช็คอินที่สนามบินในช่วงวันหยุดอิสเตอร์ที่ผ่านมา นี่คือตัวเลขของผู้ที่ต้องการเดินทางสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 ในขณะเดียวกันกรมควบคุมโรคของสหรัฐฯ (CDC) ได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วสามารถเดินทางไปมาทั่วสหรัฐอเมริกาได้โดยไม่ต้องรับการทดสอบหรือทำการกักตัวอีกต่อไปLUV Weekly Chart

นี่ถือเป็นข่าวดีที่สุดสำหรับธุรกิจสายการบิน แม้ว่าการเดินทางไปยังที่อื่นๆ ของโลกจะยังทำได้ไม่เต็มที่ แต่การที่สามารถเดินทางไปทั่วประเทศได้ตามปกติเช่นนี้ย่อมเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยงกลับมาได้ สายการบินเซาต์เวสต์ แอร์ไลน์ ซึ่งเดิมทีก็เน้นการเดินทางภายในอเมริกาอยู่แล้ว ประกอบกับการเป็นสายการบินราคาถูกที่เน้นลูกค้าเชิงปริมาณจึงเป็นที่น่าจับตามองมากที่สุด นับจากจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม 2020 จนถึงปัจจุบันพบว่าหุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 185%

ตั้งแต่ต้นปี 2021 มาจนถึงปัจจุบันหุ้นของเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ได้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 27.5% มีราคาปิดล่าสุดต่ำกว่าจุดสูงสุดในรอบสามปีที่ $64.10 เล็กน้อย ปัจจุบันสายการบินแห่งนี้มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $37,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นสายการบินชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศเมื่อเทียบกับสายการบินชื่อดังอื่นๆ อย่างเดลต้า แอร์ไลน์ (NYSE:DAL) ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ (NASDAQ:UAL) และอเมริกัน แอร์ไลน์ (NASDAQ:AAL)

หุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันที่น่าสนใจ: JetBlue Airways (NASDAQ:JBLU), Spirit Airlines (NYSE:SAVE), Mesa Air Group (NASDAQ:MESA)

3. Simon Property Group

ผลประกอบการตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +36.6%

ในช่วงของการระบาดโควิด-19 ทำให้การค้าขายผ่าน e-commerce เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันเมื่อหันไปดูห้างสรรพสินค้าดังๆ ที่เรียกได้ว่าก่อนโควิดเคยไปเดินทุกวันนั้นกลับเงียบเหงาในแบบที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นภาพนี้มาก่อนในชีวิต

แต่การกลับมาเปิดเมืองเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจเพราะการกระจายวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพของอเมริกานั้น ทำให้ยักษ์ใหญ่ด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกจากสหรัฐอเมริกาและเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าภายในประเทศมากกว่า 200 แห่ง ‘ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป’ (NYSE:SPG) กลับมาเป็นที่น่าสนใจทันที SPG Weekly Chart

ภายในระยะเวลาสิบสองเดือนล่าสุด เราพบว่าหุ้นของไซม่อนได้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 175% เฉพาะปีนี้ก็ปรับตัวขึ้นมาอีก 36% หุ้นของบริษัทมีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $117.01 อยู่ไม่ไกลจากจุดสูงสุดในรอบห้าสิบสองสัปดาห์ที่ $121.92 ปัจจุบันบริษัทไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $37,700 ล้านเหรียญสหรัฐ

เพราะการมาของโควิด-19 ที่เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคจากการไปเดินห้างเพื่อช็อปปิ้งเป็นซื้อของออนไลน์มากขึ้น นักลงทุนจึงอยากทราบว่าไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปจะมีนโยบายการดำเนินงานต่อไปเพื่อให้ทันยุคทันสมัยในอนาคตเช่นไร พวกเขาคาดหวังจะได้ยินคำตอบนั้นในการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2021 ในวันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคมหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด

เดวิด ไซม่อน CEO ของไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปกล่าวในการรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ว่า

“ผู้เช่าบางรายยังสามารถจ่ายค่าเช่าได้ตรงตามกำหนด ที่สำคัญยังมีแบรนด์ค้าปลีกหลายรายที่ต้องการขอเช่าพื้นที่ภายในห้างของเรา ดังนั้นผมจึงเชื่อมั่นว่าห้างในเครือของไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปจะยังสามารถเติบโตได้ทั้งในแง่ของผลกำไรและสภาพคล่อง”

หุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันที่น่าสนใจ: Regency Centers (NASDAQ:REG), Tanger Factory Outlet Centers (NYSE:SKT), Brixmor Property Group (NYSE:BRX)

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย