🐦 Early bird ค้นพบหุ้นที่มาแรงที่สุดตอนนี้ด้วยราคาเบา ๆ รับส่วนลดสูงถึง 55% สำหรับ InvestingPro กับโปรโมชัน Black Fridayรับส่วนลด

จงลืมทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย...และลงทุนตามที่เห็นก็พอ

เผยแพร่ 09/02/2564 15:07
XAU/USD
-
US500
-
DX
-
GC
-
IXIC
-
US10YT=X
-

การที่ราคาทองคำสามารถลงไปสร้างจุดต่ำสุดต่ำกว่า $1,800 ได้ท่ามกลางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอเมริกาที่ยังไม่แข็งแรงดี และยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตที่ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศ แสดงให้เห็นว่าคำพูดติดปากของนักลงทุนในอดีตที่กล่าวว่า “เมื่อไหร่ก็ตามที่เศรษฐกิจมีปัญหานั่นคือช่วงเวลาขาขึ้นของทองคำ” ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป

XAU/USD Daily

นับตั้งแต่ยุคที่โลกเริ่มมีการใช้ระบบการเงินเป็นตัวควบคุมเศรษฐกิจ การมีอยู่ของทองคำไม่ได้เป็นเพียงมีไว้เพื่อคานเงินเฟ้อเท่านั้น แต่ทองคำยังทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงของนักลงทุนจากปัญหาทางการเมือง และวิกฤตเศรษฐกิจ การถือครองทองคำทำให้ผู้คนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในยามที่เศรษฐกิจเปราะบาง และดูเหมือนว่าระบบการเงินโลกกำลังจะพังทลายลง 

อย่างไรก็ตามวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร เราได้เห็นตัวเลขราคาทองคำทั้งในรูปแบบทองแท่ง กองทุน ETF และฟิวเจอร์สปรากฎเป็นสีแดงแทนที่จะเป็นสีเขียว และสิ่งที่ควรจะเป็นตัวเลขสีแดงอย่างดอลลาร์หรือผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กลับกลายเป็นตัวเลขสีเขียว ขาขึ้นของดอลลาร์และกราฟผลตอบแทนทำตัวราวกับว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากวิกฤตโควิดเลย

โควิดทำให้ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ลดลงแทบเป็นศูนย์

แม้จะดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่การมาของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็แทบทำให้ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ดับลงไปเลยในปี 2020 ที่ผ่านมา หากไม่มีโควิดแล้ว ไม่แน่ว่าปีที่แล้วเราอาจจะได้เห็นการเปิดฉากรบกันระหว่างชาติอิสลามกับสหรัฐอเมริกาไปแล้วจากการสังหารนายพลคนสำคัญ นายคัสเซ็ม โซเลมานี่

ถ้าไม่มีโควิด-19 เราอาจจะได้เห็นราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากความตึงเครียดของสงครามนิวเคลียร์จากภูมิภาคตะวันออกกลาง ประเด็นก็คือสิ่งที่นักลงทุนทองคำเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับวิถีการลงทุนทองคำคือหันไปพึ่งพาการวิเคราะห์ทางเทคนิคแทน การวิเคราะห์ราคาตอนนี้นักลงทุนสามารถนำทองคำไปเปรียบเทียบกับขาขึ้นของดอลลาร์และพันธบัตรสหรัฐฯ ได้ตรงๆ

ทั้งฝั่งกระทิงและหมีต่างมีเหตุผลสนับสนุนทั้งสองฝ่าย

อันที่จริงแล้ว การลงทุนทองคำมักจะแบ่งนักลงทุนออกเป็นสองฝ่ายคือฝั่งที่สนับสนุนทองคำจากปัจจัยพื้นฐาน และฝั่งที่เชื่อทองคำเฉพาะพฤติกรรมทางเทคนิคเท่านั้น แต่สำหรับการลงทุนทองคำในช่วงนี้ เราขอแนะนำให้เชื่อไปทางการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นพิเศษ แต่หากจะหาเหตุผลจากข่าวมาสนับสนุนการหลุด $1,800 ลงมาเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วก็พอจะหาเหตุผลรองรับได้อยู่

ประการแรก ราคาทองคำต้องเจอข่าวร้ายเมื่อทราบว่าตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตัวเลขเมื่อสัปดาห์ที่แล้วลดลงเหลือ 780,000 คน เทียบกับตัวเลขของสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ถึงแม้จะลดลงแต่ก็ยังวิ่งอยู่ที่ตัวเลขประมาณ 800,000 - 900,000 คน ที่สำคัญการลดลงของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการครั้งนี้ถือเป็นการปรับตัวลดลงสามสัปดาห์ติดต่อกันแล้วด้วย

ประกาศที่สอง ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่นๆ ของสหรัฐฯ ออกมาดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นตัวเลขดัชนี PMI ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตจาก ISM ในเดือนมกราคมออกมาเพิ่มขึ้น 58.7 เทียบกับตัวเลขคาดการณ์ 56.8 ซึ่งตัวเลขจาก ISM นี้บ่งบอกถึงการเติบโตในภาคบริการที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 

นอกจากนี้ทองคำยังไม่มีเหตุผลใดๆ มาช่วยหนุนขาขึ้นมากนัก ธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินไปมากกว่านี้และหากสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำการอันใดเพิ่มเติมอีกไปจนถึงสิ้นปี ดัชนีของตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างเอสแอนด์พี 500และแนสแด็กก็ยังขยันสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ได้แทบทุกสัปดาห์ นอกจากความหวังลมๆ แล้งๆ เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เราก็ยังไม่เห็นปัจจัยสนับสนุนใดที่จะทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ จึงไม่แปลกใจที่ได้เห็นราคาทองคำล่วงหน้าร่วงลง $44 คิดเป็น 2.4% มีราคาปิดเมื่อวันพฤหัสบดีบนตลาด COMEX ที่ $1,791.20

สำหรับเหตุผลสนับสนุนขาขึ้นของทองคำนั้น ผมได้เคยพูดไปในบทความ “นักลงทุนรายย่อยแห่งเรดดิทจะยกทัพมาถึงตลาดทองคำหรือไม่” ไปแล้ว ดังนั้นจึงขอยกเหตุผลดังกล่าวมาเขียน

“หากจะพูดถึงราคาทองคำแล้ว ก่อนอื่นเราต้องไปพิจารณาที่สถาการณ์ของอัตราเงินเฟ้อที่มีส่วนสำคัญผลักดันราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นในทุกยุคทุกสมัยกันก่อน การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องอัดเงินเข้าระบบเพื่อพยุงเศรษฐกิจเอาไว้ จากการกระทำนั้นทำให้ตอนนี้สหรัฐอเมริกามีหนี้ขาดดุลแล้วอยู่ที่ $4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขที่รวมเอาการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า $3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐของทรัมป์เข้ามาแล้ว

สิ่งที่ตลาดกำลังจับตาดูอยู่คือการขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะในรุ่น 10 ปี เพราะหากกราฟผลตอบแทนฯ สามารถขึ้นถึง 2% ได้ รวมกับหนี้สาธารณะอีก $30 ล้านล้านเหรียญสหรัฐจะยิ่งทำให้การขาดดุลรายปีของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ด้วยสาเหตุนี้เองที่จะทำให้เงินในระบบเพิ่มขึ้นและพาประเทศเข้าสู่วิกฤตเงินเฟ้ออย่างที่เคยเกิดในปี 2008/2009 เมื่อเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น คนก็จะหันมาถือครองทองคำในระยะยาว”

จริงอยู่ว่าปีนี้มีโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประเมินเอาไว้ แต่ถ้าสามารถกลับมาได้เร็วอย่างนั้นก็หมายความว่าอัตราเงินเฟ้อก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แม้ว่าในอดีตทองคำจะเป็นสินทรัพย์เสี่ยงที่คานอัตราเงินเฟ้อมาตลอด แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น นักลงทุนควรมองที่ความเป็นจริงของทองคำในปัจจุบันที่ยังอนุญาตให้นักลงทุนฝั่งหมีมามีอิทธิพลอยู่ในตลาดจนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ทองคำจะสามารถแสดงสัญญาณการตั้งหลักขึ้นมาได้

เพื่อความปลอดภัย...จงอยู่กับปัจจุบันด้วยการเทรดตามเทคนิคไปก่อน

จากพฤติกรรมของราคาทองคำในปัจจุบันกำลังบอกอะไรกับเราบ้าง?

Gold Futures Daily

จากการวิเคราะห์ของผม ส่วนตัวแล้วเชื่อว่าทองคำยังอยู่ในแนวโน้มขาลงโดยมีแนวรับอยู่ที่ $1,784.31, $1,772.25 และ $1,752.73 ตามลำดับ ส่วนแนวต้านตอนนี้ราคาสามารถทะลุแนวต้านแรกที่ $1,823.35 ขึ้นมาได้แล้วและกำลังมุ่งหน้าขึ้นมาทดสอบแนวต้านถัดไปที่ $1,840

นอกจากผมแล้วนักวิเคราะห์คนอื่นประเมินทองคำเอาไว้อย่างไรบ้าง ผมขอเริ่มที่นายคริสโตเฟอร์ ลิวอิสจาก FX Empire ก่อน

“ในความเห็นของผม แนวรับที่สำคัญของทองคำมีอยู่สองแนว แนวรับแรกอยู่ที่ $1,767 ซึ่งเป็นจุดที่ราคาทองคำได้ลงไปสร้างรูปแบบหัวค้อนเอาไว้ ส่วนแนวรับที่สองนั้นอยู่ที่ $1,750 ถ้าทองคำสามารถหลุดแนวรับ $1,750 ลงไปได้จริงๆ ให้พิจารณาว่ากราฟได้เข้าสู่ขาลงระยะยาวได้เลย”

เจมส์ ไฮเยอร์ซิก นักวิเคราะห์จาก FX Empire อีกคนประเมินว่า

“ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลงไปได้มากถึง $1,787.30 หรือ $1,711.70 เลย แต่ยิ่งลงไปมากเท่าไหร่ นักลงทุนฝั่งขาขึ้นก็จะยิ่งวางคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น เพราะไม่ว่าอย่างไรดอลลาร์สหรัฐก็ต้องอ่อนค่าจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ”

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย