การมีมติเห็นชอบให้มีการลดกำลังการผลิตน้ำมันจากกลุ่ม OPEC+ การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐและภาพการแพร่กระจายวัคซีนต้านโควิดที่เกิดขึ้นทั่วโลกหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกัน ข่าวดียิ่งกว่านั้นคือการลดกำลังการผลิตลงอีก 1 ล้านบาร์เรลของซาอุดิอาระเบียตอนนี้เริ่มส่งผลแล้ว มีวงในให้ข่าวมาว่าอันที่จริงแล้วซาอุดิอาระเบียได้ตัดสินใจลดกำลังการผลิตลงก่อนมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2020 แล้ว
การอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐทำให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันต้องการผลิตน้ำมันมากขึ้นเพราะสามารถส่งน้ำมันเข้าสหรัฐอเมริกาได้ในราคาที่ถูกลง นอกจากนี้การอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นแข็งแกร่งขึ้น แม้จะต้องเผชิญข่าวสงครามระหว่างนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันกับหุ้นเกมสต๊อปแต่ตลาดหุ้นก็ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งในการเปิดตลาดลงทุนสัปดาห์นี้ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติมากยิ่งขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้รายงานถึงสถานการณ์การฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันว่ามีชาวอเมริกันประมาณ 26.5 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนโดสแรกไปแล้วเมื่อเทียบยอดผู้ติดเชื้อที่พบทั้งหมด 26.3 ล้านคนทั่วประเทศ ถือเป็นความสำเร็จขั้นแรกในการป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกาและยังเป็นข่าวดีที่หนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ด้วยปัจจัยเชิงบวกเหล่านี้ จึงไม่แปลกใจเลยที่จะได้เห็นกราฟราคาน้ำมันดิบสามารถขึ้นหลุดกรอบการปรับฐานล่าสุด ขึ้นมายืนเหนือ $54 ต่อบาร์เรลได้ในขณะที่กำลังเขียนบทความอยู่
จากรูปจะเห็นว่าราคาน้ำมันดิบ WTI สามารถขึ้นหลุดกรอบรูปธงขาขึ้นมาแล้ว ถือเป็นการจบการฟอร์มตัวในกรอบที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 5 มกราคมถึงวันที่ 13 มกราคม สำหรับนักลงทุนแล้ว ช่วงเวลาที่ราคาปรับฐานอยู่ในกรอบถือเป็นช่วงเวลาที่ได้มีเวลาพิจารณาภาพรวมในมุมกว้าง ถือเป็นการเปิดพื้นที่ให้กับนักลงทุนที่เชื่อในขึ้นกับนักลงทุนที่เชื่อขาลงได้ตามหาเหตุผลรองรับที่เหมาะสมว่าราคาน้ำมันดิบสมควรวิ่งไปทางไหนอย่างแท้จริง
ในขณะเดียวกัน นี่ก็เป็นเวลาที่นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งตัดสินใจปิดคำสั่งซื้อขายและออกจากตลาดลงทุนเพื่อรักษากำไรเอาไว้ก่อน นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมราคาน้ำมันดิบถึงได้หยุดขึ้นที่ระดับราคา $53.93 ต่อบาร์เรล อธิบายง่ายๆ ก็คือกรอบไซด์เวย์นี้คือช่วงเวลาที่ตลาดน้ำมันเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั้งสองฝ่ายเข้ามาทดสอบว่าใครจะได้เป็นคนคุมเทรนด์ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งเห็นว่านักลงทุนฝั่งขึ้นสามารถสร้างโมเมนตัมได้มากกว่า ขาลงที่ไม่สามารถทะลุกรอบไซด์เวย์ลงไปได้ นำมาซึ่งผู้ที่เชื่อในตลาดกระทิงมากขึ้น เมื่อทะลุกรอบขึ้นมาได้ นักลงทุนก็ได้เปลี่ยนฝั่งมาสนับสนุนตลาดภาวะกระทิง
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่าราคาน้ำมันดิบสามารถขึ้นยืนเหนือ $55 ต่อบาร์เรล จากนั้นรอให้ราคาน้ำมันวกกลับลงมาทดสอบแนวต้านที่กลายเป็นแนวรับ
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะรอเข้าซื้อเมื่อไหร่ก็ตามที่ราคาน้ำมันย่อตัวลดลงมา โดยที่ขาขึ้นครั้งนี้จะต้องสามารถยืนเหนือกรอบรูปธงได้เกินสองวันขึ้นไป
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะเข้าซื้อเมื่อราคาสามารถปิดเหนือกรอบรูปธงได้เกิน 1% เพื่อให้แน่ใจว่าความเสี่ยงที่ราคาอาจปรับตัวลดลงมีน้อยลง
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: $54
- Stop-Loss: $53
- ความเสี่ยง: $1
- เป้าหมายในการทำกำไร:$59
- ผลตอบแทน: $5
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:5