นักลงทุนในตลาดหุ้นและสกุลเงินเปิดเดือนกุมภาพันธ์ด้วยความสดใสหลังจากวันศุกร์ที่แล้วปิดตลาดด้วยการปรับตัวลดลง โดยปกติแล้วสัปดาห์แรกของเดือนมักจะเป็นสัปดาห์แห่งความวุ่นวายเสมอ เริ่มต้นด้วยการประกาศนโยบายการเงินของออสเตรเลียเมื่อเช้านี้ การรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) ของสหรัฐฯ รายงานตัวเลข GDP ไตรมาสสี่ของยูโรโซน ดัชนี PMI ภาคการผลิตโดย ISM และตัวเลขการว่างงานและการจ้างงานของแคนาดา และนิวซีแลนด์ ในภาพรวมแล้วการเปิดตลาดลงทุนของสหรัฐฯ วันแรกยังเต็มไปด้วยบรรยากาศของข่าวเกมสต๊อป (NYSE:GME) ที่ดูเหมือนว่าจะลามไปถึงตลาดโลหะเงิน และหุ้นของเอเอ็มซี (NYSE:AMC) อย่างไรก็ตามกลุ่มนักลงทุนรายย่อยของเรทดิทได้ออกมาปฏิเสธว่าพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขาขึ้นของโลหะเงิน
การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐส่งให้กราฟ USD/JPY สามารถขึ้นแตะระดับราคา 105 ได้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ แม้ว่าตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตจาก ISM ในเดือนมกราคมจะออกมาลดลงเล็กน้อยจาก 60.5 เป็น 58.7 การแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์ถือเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกถึงการเติบโตของอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก แม้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดยังคงอยู่ แต่หลายๆ รัฐก็จำเป็นต้องคลายมาตรการคุมเข้มทางเศรษฐกิจลงเพื่อพยุงเศรษฐกิจภายในรัฐเอาไว้ การผ่อนคลายมาตรการเหล่านี้จะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ก็จะแลกมาด้วยตัวเลขการจ้างงานฯ ในเดือนมกราคมที่สามารถฟื้นขึ้นมาได้จากตัวเลขในเดือนธันวาคมที่ติดลบครั้งแรกในรอบแปดเดือน การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ชัดเจนแล้วว่าเฟดจะยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินใดๆ เพิ่มเติม
การประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลียเป็นไปตามคาดที่ไม่มีการเปลี่ยนนโยบายการเงินใดๆ เพิ่มเติม ดอลลาร์ออสเตรเลียสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบหลายปีเมื่อเดือนที่แล้วแม้ว่าจะมีการล็อกดาวน์เมืองเพิร์ทเพื่อเจอเคสผู้ติดเชื้อโควิดเพียงหนึ่งคน ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ไม่มีทางเลือกมากนอกจากต้องจับตาดูสถานการณ์ไปก่อน ถึงกระนั้นตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตของออสเตรเลียก็ยังสามารถเติบโตขึ้นได้จาก 55.7 เป็น 57.2 สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสนใจมากกว่าผลการประชุมของ RBA คือแถลงการจากผู้ว่าการธนาคารกลางนายฟิลิป โลวอี้ รายงานตัวเลขยอดขายปลีกและรายงานตัวเลขดัชนี PMI ภาคการบริการที่จะประกาศภายในสัปดาห์นี้
สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อวานนี้แม้ว่าตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนจะปรับตัวขึ้น ปัญหาที่ยูโรกำลังเผชิญก็คือความต้องการของผู้บริโภคลดลงแม้ว่าการผลิตจะอยู่ในระดับปกติ ตัวเลขยอดขายปลีกของเยอรมันในเดือนธันวาคมติดลบ 9.6% ลดลงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ 2.6% สาเหตุที่ยอดขายปลีกลดลงมากขนาดนี้เป็นเพราะผู้นำของเยอรมันสั่งปิดร้านค้าปลีกในประเทศเกือบทั้งหมดในช่วงกลางเดือนธันวาคมมาจากถึงเดือนมกราคมหลังจากที่มาตรการล็อกดาวน์บางส่วนในเดือนพฤศจิกายนใช้ไม่ได้ผล หมายความว่าเดือนที่แล้วไม่มีทางที่ความต้องการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคจะกลับมาได้เลย อย่างไรก็ตามตัวเลข GDP ของเยอรมันนั้นถือว่าออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ซึ่งจะส่งผลให้การรายงานตัวเลข GDP ของยูโรโซนในวันนี้น่าจะไม่ได้รับความเสียหายมาก
เช่นเดียวกับสกุลเงินยูโร สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงแม้ว่าตัวเลขดัชนี PMI จะออกมาดี กราฟ GBP/USD ยังคงวิ่งอยู่ในทรงของการปรับฐานใหญ่ การประชุมของธนาคารกลางอังกฤษในสัปดาห์นี้เชื่อว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินใดๆ แต่หากมีการพูดถึงการปรับอัตราดอกเบี้ยให้ลงไปอยู่ในระดับติดลบก็อาจทำให้สกุลเงินปอนด์เกิดความผันผวนได้