GameStop เกมส์ปั่นหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกยังมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นไม่จบสิ้น! Robinhood โดนจับได้ว่าเป็นไส้ศึก แอปเทรดหุ้นโจรที่นึกว่าจะช่วยขโมยเงินคนรวยแจกคนจนโดนแฉ! แท้จริงแล้วกำลังขโมยข้อมูลคนจนไปขายคนรวยใน Wall Street!
อิทธิพลของมหากาพย์ GameStop การล้างแค้นของแมงเม่าต่อนายทุน Wall Street นั้นยังลุกลามและมีผู้เสียหายกระจายตัวไปมากขึ้นเรื่อยๆ เราลองมา อัพเดทสถานการณ์ล่าสุด กันเลยครับ
1️.ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วนต่อเนื่อง เมื่อคืนนี้ดัชนี Dow Jones ปิดติดลบเกือบ -700 จุด และดัชนีหลักฝั่งตะวันตกโดนเทขายลงไปหนักกว่า -2% ทั้งแผง ทางตลาดเอเชียควรระวังผลกระทบช่วงเปิดตลาดวันจันทร์เช่นเดียวกัน
2️.การปั่นหุ้นแก้แค้นเริ่มลามไปยังตลาดหุ้นยุโรป หุ้นเล็กๆที่ไม่มีอนาคตแต่ทางกองทุนใหญ่ได้ทำการ short sell หรือยืมหุ้นไปขายเริ่มโดนรายย่อยเข้าซื้ออย่างหนัก เพื่อหวังจะดันให้กองทุนต้องมาซื้อคืนที่ราคาขาดทุน และหลายหุ้นเล็กในยูโรปราคาพุ่งขึ้น +40% อย่างไม่มีเหตุผล (รายละเอียดในบทความแนบ)
3️.เหล่ากองทุนใน Wall Street รายงานว่าได้ขาดทุนเงินรวมกันในหุ้น GameStop ตัวเดียวไปกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญ (ุ6 แสนล้านบาทแล้ว) และเงินเหล่านี้กำลังโดนกระจายกลับไปสู่นักลงทุนรายย่อยที่เข้าร่วมอุดมการณ์กับห้องแชท Wall Street Bets ใน Reddit
และนี่ยังไม่รวมเงินที่กำลังทำคืนได้จากหุ้น AMC, Koss Corp, Blackbeyry, Blockbuster และ อื่นๆอีกมากมายที่คาดว่านาย Wall Street อาจจะเสียหายอีกหลายหมื่นล้าน
4️.เป็นที่น่าทึ่งว่าบริษัทร้านขายเกมส์เก่าๆอย่าง GameStop จะมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านบาทหรือทัดเทียมกับขนาดของบริษัท ปตท. (BK:PTT) เราไปแล้ว ทั้งๆที่ธุรกิจกำลังจะล้มละลาย ธุรกิจอย่างโทรศัพท์มือถือ Flip Phone เก่าๆ, โรงหนังที่ไม่มีคนดู หรือแม้แต่ร้านเช่าหนังที่เราคุ้นเคยอย่าง Blockbuster ก็ราคากำลังดีดขึ้นมากันหลายเท่า นี่แสดงถึง การปฏิวัติของนักลงทุนรายย่อยอย่างชัดเจน
ศูนย์กลางของความปั่นป่วนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแอป Robinhood แอปเทรดหุ้นที่โด่งดังมาจากการที่ไม่เก็บเงินค่าเทรดคอมมิชชั่น
5️. Robinhood เป็นแอปเทรดหุ้นที่เปิดมาซักพักนึงแล้ว แต่ก้าวขึ้นมาโด่งดังในปีที่ผ่านมาหลังจากไวรัสโควิดระบาดทำให้ชาวอเมริกันต้องกักตัวอยู่ในบ้าน และเมื่อพวกเขาเบื่อๆไม่รู้จะทำอะไรดี?
หลายคนจึงหันมาสมัครแล้วเริ่มลองเทรดหุ้นอยู่บ้านกันหลายล้านราย
6️. Robinhood นั้นได้รับคำชมว่าเคยเป็นแอปที่เข้ามา Disrupt ธุรกิจการค้าหุ้น Online อย่างมาก เพราะทางบริษัทไม่เก็บคอมมิชชั่นค่าเทรดหุ้นเลย !
7️.ด้วยธุรกิจที่กำลังเฟื่องฟู Robinhood จึงกำลังเตรียมจะออก IPO เข้าตลาดหุ้นในปีนี้ด้วย เพื่อขยายธุรกิจครั้งใหญ่และไป Disrupt ธุรกิจการค้าหุ้นในต่างประเทศต่อไปด้วย....
แต่.... การเดินทางที่กำลังสวยหรูของ Robinhood กลับกำลังดิ่งลงสู่เหว
8️. แน่นอนว่าทุกอย่างมาจากอิทธิพลของการปั่นหุ้น GameStop นั้นเอง ซึ่งตอนแรกๆกลับสร้างผลดีกับ Robinhood ซะด้วย เพราะรายย่อยที่มารวมตัวกันเทรดมากขึ้น ทำให้ Robinhood ขยายกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น
9️.แต่แล้วเหตุการณ์กลับมาพลิกผัน เมื่อคืนวันที่ 28 มกราคม หลังจากราคาหุ้น GameStop ขึ้นต่อเนื่องไม่ยั้ง ทาง Robinhood ได้ออกคำสั่งเพื่อลดปริมาณการเทรด Gamestop ลง ไม่ว่าจะเป็นการปิดไม่ให้เทรดและมีการถอนสิทธิไม่ให้ใช้วงเงินกู้ (Leverage) ในการเทรด
โดย Robinhood ให้เหตุผลว่าว่า เป็นการช่วยป้องกันไม่ให้ฝั่งนักลงทุน Wall Street ขาดทุนไปมากกว่านี้
10.การถอนสิทธิไม่ให้ใช้วงเงินกู้ (Leverage) ในการเทรดคืออะไร ?
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าปกติจะหุ้นราคา 100 บาท ถ้าเรามีเงินสด 100 บาทเราก็จะสามารถซื้อหุ้นได้ 1 หุ้น แต่การ Leverage คือคุณเอาเงิน 100 บาทนี้ไปวางเป็นหลักประกันให้ Broker ทำให้คุณอาจสามารถได้วงเงินในการซื้อหุ้นได้ถึง 10 หุ้น แต่ทาง Broker จะกำหนดว่าถ้าราคาหุ้นลดลงต่ำกว่า 10 บาทต่อหุ้น คุณต้องนำเงินมาวางค้ำประกันเพิ่ม
เช่นถ้าราคาหุ้นตกลงมาเหลือ 90 บาท แปลว่าคุณกำลังขาดทุนทางบัญชีอยู่ 100-90 = 10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินรวมเท่ากับ 10 บาท x 10 หุ้น หรือขาดทุนรวม 100 บาทนั้นเอง
ถ้าถึงเวลานั้นราคาหุ้นปรับลดลงมาที่ 90 บาทจริงๆ คุณก็ต้องโอนเงินไปเติมให้ Broker เพิ่มทันที ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็จะบังคับขายหุ้น 10 หุ้นนั้นออกไปเพื่อปิดความเสี่ยงของราคาหุ้นลงไปมากกว่านั้น แล้ว Broker จะริบเงินหลักประกันของคุณไปจ่ายการขาดทุนก้อนนั้น
11. จะเห็นได้ว่าการ Leverage นั้น ทำให้นักลงทุนรายย่อยที่อาจมีเงินอยู่น้อยนิดสามารถลงทุน หรือ เดิมพัน กับหุ้นมูลค่ามหาศาลได้ นี่คือที่มาว่าทำไมรายย่อยที่รวมตัวกันถึงมีเงินมหาศาลมากในการดันราคาหุ้น Gamestop ขึ้นได้ (รวมถึงการ Leverage ด้วยการซื้อ Options ด้วย)
12. หลังทาง Robinhood ออกมาแบนการ Leverage และประกาศให้ใช้ได้แค่เงินสดในการเทรดเท่านั้น ทำให้กำลังซื้อของ Gamestop จากรายย่อยหายไปเยอะ ราคาหุ้นจึงหล่นฮวบมาเกือบ -40% ทันทีในเวลานั้น ทำให้รายย่อยเริ่มประท้วงและขู่ฟ้อง Robinhood ที่ทำให้พวกเขาขาดทุน
13. จุดที่ซวยต่อมาคือพนักงาน Robinhood ออกมาแฉบริษัทตัวเองว่าฝ่ายรัฐบาลสหรัฐเป็นคนออกคำสั่ง ยิ่งทำให้ประชาชนไม่พอใจ เพราะรัฐบาลกำลังให้ความช่วยเหลือนายทุนแต่ไม่สนใจรายย่อย จึงเกิดการประท้วงและเตรียมฟ้องร้องครั้งใหญ่ และข้ออ้างที่ Robinhood ให้ไว้ว่าทำการปิดเทรดเพื่อช่วยลูกค้าไม่ให้เสี่ยงสูงเกินไปจึงกลายเป็นคำโกหกทั้งเพ
14. ทางคู่แข่งหลักของ Robinhood อย่างแอปเทรดชื่อ Webull พอได้เห็นโอกาสอันงาม ก็ออกโรยเกลือบนแผลโดยการออกมายืนอยู่ข้างประชาชนและตอบว่า "พวกเขาได้รับโทรศัพท์และคำสั่งจากทำเนียบขาวให้ปิดการเทรดจริงๆ ต้องขอโทษลูกค้าทุกคนด้วยที่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้" ออกมาตอบได้เป็นพระเอกมากๆ
15. ถึงแม้ทาง Robinhood จะมีการเปิดกลับมาให้เทรดได้ชั่วคราวอย่างเสรี แต่ก็ยังมีปัญหาติดขัดอย่างต่อเนื่อง และ ที่เลวร้ายที่สุด คือเมื่อคืนนี้ได้มีการสั่งไม่ให้ลูกค้าเทรดสกุลเงิน Crypto หรือหุ้นต่างๆอีกกว่า 50 หุ้นอีก !
16. โดยหุ้น 50 ตัวที่ทาง Robinhood ออกมาห้ามเทรดนั้นหลายตัวไม่ได้เกี่ยวข้องกับหุ้นที่กลุ่ม Reddit กำลังปั่นด้วยซ้ำ อย่างเช่นหุ้น General Motors (GM) , StarBucks (SBUX) และ Beyond Meat (หุ้นที่กำลังเป็นข่าวหลังประกาศ JV กับ Pepsi ตามที่แอดเขียนไปเมื่อ 2 วันก่อน)
โดยทาง Robinhood ให้เหตุผลว่าเห็น Volume เทรดที่กำลังผิดปกติ จนรายย่อยยิ่งงงและโมโหเข้าไปใหญ่
ใครคิดว่า Robinhood ซวยหนักและคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว... คุณกำลังคิดผิดครับ !
17. เนื่องจากการที่ Robinhood ไม่มีการเก็บค่าคอมมิชชั่น ทำให้หลายคนสงสัยว่าทางแอปสามารถทำกำไรทางธุรกิจได้จากอะไร ?
18. เมื่อสืบไปมาจึงพบว่ารายได้หลักของ Robinhood คือการขายข้อมูลการเทรดของลูกค้าไปให้กับเหล่ากองทุนใหญ่ๆใน Wall Street นั้นเอง !
19. หรือแปลง่ายๆว่าในสงครามระหว่างแม่งเม่ากับเหล่ากองทุน Wall Street ในครั้งนี้ ถึงแม้ทาง Robinhood จะออกหน้าว่าอยู่ข้างประชาชน แต่สุดท้ายแล้วกำลัง ลักลอบขายอาวุธและแผนการโจมตีให้กับฝั่งศัตรู อย่าง Wall Street นั้นเอง !
20. ในอดีตที่ผ่านมาการที่กองทุน Wall Street ได้ข้อมูลการซื้อขายของรายย่อยพวกเขาจึงสามารถคำนวนทิศทางและกำลังซื้อของรายย่อยได้ แล้วจึงนำไปเก็งกำไรกดดันรายย่อยจนทำให้พวกเขาได้เปรียบตลอดมานี่เอง !
21. ความซวยยังไม่จบแค่นี้ ต่อมาพอไปเช็คชื่อคู่ค้าของธุรกิจ Robinhood กลับพบว่าเจ้าของบริษัทคู่ค้าที่ใหญ่ที่ก็คือทางกองทุน Citadel หรือผู้ที่กำลัง Short Sell กดดันราคาหุ้น GameStop ตั้งแต่แรกนั้นเอง !
22. แปลว่าการที่ Robinhood สั่งให้มีการปิดเทรด GameStop ไปนั้นกำลังเป็นการทำเพื่อช่วยคู่ค้าใหญ่ และทำให้ทุกอย่างกระจ่างว่าทำไมต่อให้กองทุน Citadel ขาดทุนหนักแต่พวกเขาก็เป็นกองทุนแรกๆที่เข้ามาปิดการขาย Short ของพวกเขาได้เร็วที่สุด (เพราะมีข้อมูลจากไส้ศึกนี่เอง)
โมเดลธุรกิจของ Robinhood นั้นไม่ต่างอะไรจาก Facebook พวกเขาหลอกให้คุณคิดว่าคุณคือลูกค้า แต่จริงๆแล้วพวกคุณนั้นแหละที่กำลังเป็นสินค้า !
23. "There's No Free Lunch in this world" ของฟรีที่แท้จริงไม่มีในโลกนี้ ถ้าแอปต่างๆกำลังให้คุณใช้อยู่อย่างฟรีๆ จริงๆแล้วแปลว่าพวกเขากำลังทำประโยชน์อะไรบางอย่างจากการที่คุณกำลังใช้แอปของเขาอยู่
24. เหมือนในหนังเรื่อง The Social Dilemma ใน Netflix (NASDAQ:NFLX) ที่ออกมาแฉธุรกิจของ Facebook ว่าคอยเก็บข้อมูลคู่ค้าไปขายให้กับร้านค้าต่างๆ (ใครยังไม่ได้ดูเรื่องนี้ แอดขอแนะนำให้ดูเลยครับ จะได้เข้าใจธุรกิจ Facebook อย่างแท้จริง)
25. Robinhood ก็ไม่ต่างอะไรกัน ที่พวกเขาไม่เก็บคอมมิชชั่นนั้นเพราะต้องการให้แมงเม่าไหลเข้ามาเทรดมากขึ้น และสุดท้ายก็นำข้อมูลของแมงเม่าไปขายให้กองทุน Wall Street ซึ่งพวกเขาพร้อมจะจ่ายเงินเพื่อซื้อข้อมูลและมาทำกำไรจากแมงเม่าคืนในตลาดหุ้นนั้นเอง
26. นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมในตลาดหุ้นส่วนใหญ่แมงเม่าจึงต้องเสียตังค์ให้กับรายใหญ่ อย่างน้อยก็จนกระทั้งจะเกิดการปฏิวัติขึ้นในครั้งนี้ ที่รายย่อยเริ่มเอาชนะ Wall Street ได้
27. ปรากฏการณ์ GameStop นี้ไม่ธรรมดาจริงๆครับ และคงไม่จบง่ายๆแน่ๆถ้าพลังของรายย่อยยังคงรวมหมู่กันได้มากขึ้นจากพลังของ Internet เรียกได้ว่าเป็นการ Level The Playing Field หรือการทำให้ สนามรบระหว่างแมงเม่ากับกองทุนมาเสมอภาคกันมากขึ้น
สรุป ตอนนี้แอปเทรดหุ้น Robinhood นั้นกำลังย่ำแย่เอามากๆ อย่าว่าแต่ IPO ในปีนี้จะไปรอดหรือไม่เลย ตอนนี้แค่พยายามจะให้บริษัทดำเนินธุรกิจต่อไปได้ยังเหนื่อย เพราะว่าตอนนี้เหล่าผู้ประท้วงยังได้ออกมากระจายแคมเปญ DeleteRobinhood บน Social Media หรือการรวมตัวกันแบนแอปนี้แล้วนั้นเอง
เรื่องราวของปรากฏการณ์ GameStop นั้นยังมีเบื้องลึกเบื้องหลังอีกมากมายที่ทางเพจจะทยอยมาเล่าให้ฟัง มันเป็นการประท้วงระบบตลาดทุน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เราเคยเห็นมา เป็น Wall Street Hunger Game อย่างแท้จริง ซึ่งเรายังไม่รู้ว่ามันจะจบอย่างไร
ติดตามข่าวสารการลงทุนที่น่าสนใจไปกับ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP