ถือเป็นสัปดาห์การลงทุนที่คึกคักทีเดียว นอกจากดราม่าการปั่นหุ้นที่ตอนนี้มีแต่คนพูดถึงอย่างเกมสต็อป (NYSE:GME) และการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกของปี 2021 แล้ว นักลงทุนยังให้ความสำคัญกับการรายงานผลประกอบการบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) อะเมซอน (NASDAQ:AMZN) กูเกิล (NASDAQ:GOOGL) เทสลา (NASDAQ:TSLA), และเฟซบุ๊ก (NASDAQ:FB)
ในขณะที่ใครๆ ก็เอาแต่พูดถึงบริษัทชื่อดัง Investing.com ก็ได้ไปหาข้อมูลของหุ้นตัวอื่นๆ เพิ่มเติมที่เชื่อว่าจะสามารถเติบโตได้เร็ว ไม่แพ้บริษัทยักษ์ใหญ่ รับรองได้ว่าผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้จะต้องเติบโตอย่างน่าตกใจตามเทรนด์ของโลกที่มองไปทางไหนก็มีแต่คนอยากสรรค์สร้างเทคโนโลยี
1. Pinterest
- วันรายงานผลประกอบการ: พฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์หลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์การเติบโตของอัตราส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS): +175% YoY
- คาดการณ์การเติบโตของผลกำไร: +61.1% YoY
หุ้น Pinterest (NYSE:PINS) นับได้ว่าโดดเด่นและเข้าตากรรมการมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ด้วยอัตราการวิ่งขึ้นของหุ้น 250% ในปี 2020 มาจนถึงปีนี้ก็ได้ปรับตัวขึ้นต่ออีก 5% การเติบโตของ Pinterest เป็นอานิสงส์มาจากความต้องการของลูกค้าที่ต้องการฝากโฆษณาแต่ก็ไม่สามารถสู้ราคาเช่าพื้นที่ของบริษัทใหญ่ยักษ์อย่างเช่นเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์ (NYSE:TWTR) ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการหาที่ฝากโฆษณาใหม่ที่มีอัตราการเติบโตดีและมีภาพลักษณ์ที่ดูเป็นมิตรกับผู้บริโภคมากกว่า
หุ้น Pinterest มีราคาซื้อขายล่าสุดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $69.24 ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาล $76.88 เมื่อวันที่ 13 มกราคม บริษัทมีมูลค่าตลาดล่าสุดอยู่ที่ $45,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สาม Pinterest สามารถรายงานตัวเลขกำไรรวมเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ ดังนั้นแล้วนักลงทุนจึงหวังว่าในการรายงานผลประกอบการครั้งนี้ Pinterest จะยังคงรักษาสถิตินี้ได้ต่อไป
นักวิเคราะห์ประเมินว่าการรายงานผลประกอบการครั้งนี้ Pinterest จะสามารถรายงานตัวเลขอัตราส่วนกำไรต่อหุ้นออกมาอยู่ที่ $0.33 เพิ่มขึ้นจากตัวเลขในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ $0.12 ส่วนตัวเลขผลกำไรนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแบบเทียบปีต่อปีมากถึง 61% คิดเป็นตัวเลข $644.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
สิ่งที่นักวิเคราะห์จะใช้วัดว่าบริษัทมีการเติบโตจริงหรือไม่ นอกจากตัวเลข EPS และผลกำไรแล้ว พวกเขาจะประเมินจากยอดผู้ใช้งานรายเดือนทั่วโลกในแต่ละเดือน (MAU) โดยจะดูว่าตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากการประกาศครั้งล่าสุดมากน้อยแค่ไหน ในไตรมาสที่แล้ว Pinterest ได้รายงานตัวเลข MAU ออกมาอยู่ที่ 442 ล้านคน คิดเป็นการเติบโตแบบปีต่อปี 37%
อีกหนึ่งตัววัดที่นักวิเคราะห์จะใช้คือรายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคน (คิดเป็นรายเดือน) (ARPU) ในไตรมาสที่ 3 Pinterest สามารถรายงานตัวเลข ARPU เฉพาะในสหรัฐอเมริกาออกมาที่ $3.85 และต่างประเทศ $0.21 คิดเป็นการเติบโตขึ้น 31% และ 66% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019
2. Fortinet
- วันรายงานผลประกอบการ: พฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์หลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์การเติบโตของอัตราส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS): +26.3% YoY
- คาดการณ์การเติบโตของผลกำไร: +17.6% YoY
บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ Fortinet (NASDAQ:FTNT) ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่มาแรงมากในหมู่ผู้รักษาความปลอดภัยไซเบอร์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่สิ้นเดือนตุลาคมจนถึงปัจจุบัน หุ้นของ Fortinet ดีดตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 40% การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนเปลี่ยนวิถีชีวิตมาพึ่งพาการทำงานผ่านอินเตอร์เน็ตมากขึ้น เมื่อผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้น ความต้องการระบบรักษาความปลอดภัยที่ไว้ใจได้จึงถือเป็นปัจจัยพิจารณาสำคัญ
เมื่อวันอังคารหุ้นของ Fortinet มีราคาปิดอยู่ที่ $149.65 ปรับตัวลดลงมาไม่มากจากจุดสูงสุดตลอดกาล $155.31 บริษัทมีมูลค่าตลาดล่าสุดอยู่ที่ $24,400 ล้านเหรียญสหรัฐ นักวิเคราะห์ค่อนข้างเชื่อมั่นว่าการรายงานผลประกอบการในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ Fortinet จะสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้อย่างเช่นที่เคยทำในไตรมาสที่ 3
นักวิเคราะห์ประเมินว่าการรายงานผลประกอบการครั้งนี้ Fortinet จะสามารถรายงานตัวเลขอัตราส่วนกำไรต่อหุ้นออกมาอยู่ที่ $0.96 เพิ่มขึ้นจากตัวเลขในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 26% ส่วนตัวเลขผลกำไรนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแบบเทียบปีต่อปีเพียง 18% คิดเป็นตัวเลข $722.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
สิ่งที่นักวิเคราะห์จะมองว่าเป็นการเติบโตของบริษัทที่แท้จริงคือการเติบโตในแง่ของการใช้บริการของลูกค้าอย่างเช่นระบบสมัครสมาชิกรายเดือน (FortiGuard) และระบบช่วยเหลือทางเทคนิค (FortiCare) เพราะตัวเลขทั้งสองส่วนสามารถเติบโตขึ้น 22% แบบปีต่อปีในไตรมาสที่ 3
3. Snap
- วันรายงานผลประกอบการ: พฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์หลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์การเติบโตของอัตราส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS): +58.8% YoY
- คาดการณ์การเติบโตของผลกำไร: +51% YoY
บริษัทผู้ให้กำเนิดแอปพลิเคชันชื่อดัง “Snapchat” (NYSE:SNAP) ถือเป็นอีกบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 2020 จึงไม่แปลกใจเลยที่เราได้เห็นการเติบโตของหุ้นบริษัทมากถึง 215% จากการใช้งานสื่อโซเชียลมีเดียของผู้คนมากขึ้น ยอดผู้ใช้งาน Snapchat เติบโตเป็นอย่างมากจนทำให้มีผู้อยากมาลงโฆษณากับ Snapchat มากขึ้น ภายในช่วงระยะเวลา 12 เดือนล่าสุด การเติบโตของหุ้น Snap สามารถเทียบเคียงได้กับบริษัทใหญ่ๆ อย่างเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ได้เลย
นับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2021 หุ้น Snap ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 7% มีราคาซื้อขายหุ้นล่าสุดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $53.29 ย่อตัวลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $57.39 มีมูลค่าตลาดล่าสุดอยู่ที่ $81,200 ล้านเหรียญสหรัฐ นักลงทุนเชื่อว่าในบริษัท Snap จะสามารถรายงานผลประกอบการเป็นบวกได้อีกครั้งในไตรมาสนี้หลังจากที่ไตรมาสที่สามสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้มากกว่า $100 ล้านเหรียญสหรัฐ
นักวิเคราะห์ประเมินว่าการรายงานผลประกอบการครั้งนี้ Snap จะสามารถรายงานตัวเลขอัตราส่วนกำไรต่อหุ้นออกมาอยู่ที่ $0.07 ลดลงจากตัวเลขในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ $0.17 ส่วนตัวเลขผลกำไรนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแบบเทียบปีต่อปีมากถึง 51% คิดเป็นตัวเลข $846.9 ล้านเหรียญสหรัฐ จากยอดฝากโฆษณาบนแพลตฟอร์มที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเติบโตของ Snap นั้น นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับตัวเลขยอดผู้ใช้งานรายวัน (DAU) เพราะในไตรมาสที่ผ่านมานั้นตัวเลข DAU ของ Snap เติบโตขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ตัวเลข DAU ในไตรมาสที่สามสามารถสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลได้ที่ยอดผู้ใช้งานสูงสุด 249 ล้านคน
นอกจาก DAU แล้ว นักลงทุนจะให้ความสนใจกับรายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคน (ARPU) ในภาพรวมด้วย ในไตรมาสที่ 3 ARPU ของ Snap ได้เติบโตขึ้น 28% สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $2.73 ชี้เห็นเห็นเลยว่ามียอดผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน Snapchat เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ