เพียงครู่เดียวเราก็เดินทางมาถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนแรกในปี 2021 กันแล้วซึ่งสัปดาห์นี้ตลาดจะให้ความสนใจกับตลาดลงทุนสหรัฐฯ เป็นพิเศษ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่นักลงทุนต้องจับตาทั้งรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สี่ของบริษัทเอกชนในกลุ่มเทคโนโลยี การประกาศเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และรายงานตัวเลข GDP ในไตรมาสที่สี่ ดัชนีเมื่อคืนนี้ปรับตัวลดลงปิดลบเป็นวันที่สามติดต่อกันในขณะที่ดัชนีและ ยังรักษาทรงปิดตลาดเป็นบวกได้ สัญญาณเช่นนี้หมายความว่าตลาดค่อนข้างเชื่อมั่นที่จะได้เห็นรายงานผลประกอบการของหุ้นเทคฯ ออกมาเป็นบวก หากเป็นเช่นนั้นจริงดัชนีดาวโจนส์และดอลลาร์สหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น นอกจากดอลลาร์นิวซีแลนด์แล้ว ทุกสกุลเงินเมื่อคืนนี้ต่างพากันอ่อนค่าหมด
แม้การประชุม FOMC และรายงานตัวเลข GDP จะมีความสำคัญก็จริง แต่เราเชื่อว่ารายงานตัวเลขผลประกอบการจะสร้างผลกระทบให้กับตลาดฟอเร็กซ์และตลาดหุ้นได้มากกว่า การที่ตัวเลขในครั้งนี้จะออกมาดีหรือไม่นั้นจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดเกี่ยวกับภาพรวมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่หนึ่งและสองด้วย นักวิเคราะห์ประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ คงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยนโยบายเหมือนเคย แต่สิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจคือมุมมองของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดว่าเขามีความเห็นต่อภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2021 อย่างไรซึ่งคำพูดของเขาจะส่งกระทบต่อการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ในตลาด เป็นไปได้ว่าเขาอาจพูดเหมือนประธาน ECB ในสัปดาห์ที่แล้วที่เลือกจะปิดตาข้างเดียว มองแต่เฉพาะด้านดีของการฟื้นตัว
ในทางตรงกันข้าม การรายงานตัวเลข GDP คือปัจจัยที่อาจจะทำให้เกิดการเทขายในตลาดหุ้นเพราะทุกคนต่างก็ทราบกันดีว่าไตรมาสที่สี่หรือช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมาถือเป็นฝันร้ายของการเฉลิมฉลองท่ามการไวรัสโควิดที่แพร่ระบาดอย่างหนัก ตัวเลขยอดขายปลีกในช่วงระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคมลดลงอยู่ตลอดและภาพการบุกรัฐสภาของฝ่ายสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็ได้สร้างคำถามมากมายให้กับชาวโลก นักวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ที่ดีที่สุดว่าตัวเลข GDP ในไตรมาสนี้อาจเพิ่มขึ้นจากตัวเลข 33.4% ในไตรมาสที่สามอยู่ 4% หมายความว่าเราอาจจะได้เห็นตัวเลขที่ออกมาลดลงอย่างน่าประหลาดใจด้วย
การรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจในฝั่งก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน แม้ว่ารายงานตัวเลขดัชนี PMI และตัวเลขจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) จะออกมาดีเกินคาด แต่ตัวเลขดัชนีวัดบรรยากาศทางธุรกิจจากสถาบัน IFO ของเยอรมันกลับออกมาลดลงจาก 92.2 เป็น 90.1 ในเดือนธันวาคม สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นแน่นอนว่าย่อมต้องเป็นฝีมือของการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกสองที่ชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจในเดือนที่แล้ว สิ่งที่เป็นกังวลสำหรับเราในตอนนี้คือการไม่ยอมรับความจริงของเหล่าผู้วางนโยบายทางการเงินในธนาคารกลางฯ ทุกอย่างจะดีขึ้นภายในหกเดือนตามที่ ECB ออกมาพูดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้อย่างไรในเมื่อข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจก็ชี้ให้เห็นอยู่ว่าภาคธุรกิจยังติดลบ รอดูข้อมูลตัวเลขจากภาคธุรกิจและการบริโภคในวันพฤหัสบดีนี้ที่จะออกมาตอกย้ำความจริงให้เห็นอีกครั้งได้เลย
ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งคือการรายงานตัวเลข GDP ในไตรมาสที่สี่ของเยอรมันที่จะเกิดขึ้นในวันศุกร์ เชื่อว่าเราจะได้เห็นตัวเลขติดลบสองไตรมาสติดต่อกันหรืออีกความหมายหนึ่งก็คือการได้เห็นภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของเยอรมันเป็นครั้งที่สอง ถ้าข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของเยอรมันไม่ดีขึ้นภายในเดือนหน้าและเดือนมีนาคม การเติบโตในไตรมาสแรกของเยอรมันจะออกมาเป็นตัวเลขติดลบชนิดที่ว่าไม่ต้องคาดการณ์ก็เห็นอนาคตที่รออยู่แน่นอน
อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าสกุลเงินคือผู้ที่แข็งค่าขึ้นมากที่สุดแม้ว่าจะมีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิดใหม่ในรอบหลายเดือน แต่ครั้งนี้โจทย์ที่นิวซีแลนด์ได้คือต้องเจอกับผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์กลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้ สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเคสนี้คือเธอเป็นบุคคลที่ได้รับการตรวจเชื้อและยืนยันจากยุโรปมาแล้วถึงสองครั้งว่ามีผลเป็นลบและยังเข้ารับการกักตัว 14 วันมาจากฝั่งยุโรปแล้วด้วย ก่อนที่เธอจะถูกตรวจพบว่าเป็นโควิด เธอได้เดินทางไปยังสถานที่ประมาณสามสิบแห่งในนิวซีแลนด์ ทันทีที่ทราบข่าว ออสเตรเลียก็สั่งห้ามไม่ให้ชาวนิวซีแลนด์ข้ามมายังออสเตรเลียทันที นักท่องเที่ยวที่บินมาจากนิวซีแลนด์ตอนนี้ถูกสั่งให้กักตัวอยู่ในโรงแรมหรือที่พักของตน สาเหตุที่สกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ยังแข็งค่ายืนอยู่ได้เพราะนักลงทุนเชื่อว่าตัวเลขดัชนี PMI ภาคบริการในเดือนธันวาคมที่จะรายงานในวันนี้จะออกมาเติบโตขึ้น
นอกจากสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์และแล้ว สกุลเงินก็ดูเหมือนว่าจะดีดตัวกลับขึ้นมาได้เล็กน้อย แต่โดยรวมยังไม่ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากนัก การล็อกดาวน์ในสหราชอาณาจักรจะยิ่งทำให้รายงานตัวเลขของภาคแรงงานในวันนี้ลดลง ยกตัวอย่างเช่นตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะเพิ่มขึ้นและค่าจ้างของแรงงานจะลดลง