การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของหุ้นกลุ่มสายการบินในช่วงไตรมาสที่ 4 จะได้รับการทดสอบเมื่อเทศกาลการรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ได้เริ่มต้นขึ้น ประเดิมด้วยสายการบินยักษ์ใหญ่อย่างเดลต้าแอร์ไลน์ (NYSE:DAL) ก่อนเลยที่จะรายงานผลประกอบการในวันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคมก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิดทำการ สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสนใจมากที่สุดจากการรายงานผลประกอบการครั้งนี้คืออัตราการเผาผลาญเงินทุนของบริษัทเพื่อเอาตัวรอดในช่วงโควิด และสัญญาณใดๆ ก็ตามที่บ่งบอกถึงการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว
หลังจากที่มีข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีนต้านโควิด และการกระจายวัคซีนออกมา นักลงทุนบางส่วนเริ่มมีความรู้สึกอุ่นใจขึ้นที่ได้กลับมาถือหุ้นของสายการบินอีกครั้งหลังจากที่ต้องประสบปัญหามรสุมโควิดรุมเร้าจนไม่สามารถนำเครื่องบินกลับขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อย่างที่เคยเป็น การมาของวัคซีนต้านโควิดนอกจากจะทำให้หุ้นสายการบินปรับตัวขึ้นแล้ว กองทุน ETF ที่เน้นลงทุนหุ้นสายการบินอย่าง US Global Jets Fund (NYSE:JETS) สามารถปรับตัวขึ้น 22% ได้ในรอบสามเดือนล่าสุด
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในปัจจุบัน และการกลายพันธุ์ใหม่ที่เริ่มพบในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกทำให้การฟื้นตัวของวงการท่องเที่ยวอาจจะยังไม่สามารถกลับมาได้อย่างที่คาดหวังกันเอาไว้ นักวิเคราะห์บางส่วนจึงประเมินว่าค่าเฉลี่ยของการรายงานผลประกอบการจากสายการบินเดลต้าอาจมีตัวเลขลดลง กำไรของสายการบินอาจมีตัวเลขอยู่ที่ $3,810 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นจะมีตัวเลขอยู่ที่ $2.42 ต่อหุ้น
เอ็ดด์ บาสเตียน CEO ของสายการบินเดสต้าเขียนจดหมายถึงพนักงานในบริษัทในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาว่า
“แม้ว่าลึกๆ ผมจะหวังให้ปี 2021 นี้จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัว แต่เพราะสงครามกับโรคระบาดยังไม่ถึงตอนจบ ดังนั้นเราจะยังไม่สามารถวางใจเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้เข้ามาโจมตีเราได้ เราต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ได้ตลอด ดังนั้นเป้าหมายแรกในปี 2021 ที่สายการบินของเราจะเน้นก็คือการเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัทให้ได้มากที่สุด”
หุ้นสายการบินไม่ได้ฟื้นตัวเร็วอย่างที่คิด
เมื่อวานนี้หุ้นของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์มีราคาปิดอยู่ที่ $40.30 ปรับตัวขึ้นมา 20% ในรอบหกเดือนล่าสุด แต่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2020 พบว่าราคาซื้อขายหุ้นตอนนี้ยังต่ำกว่าช่วงเวลาในตอนนั้นประมาณ 30% แต่เทียบกันแล้วกับคู่แข่งอย่างอเมริกันแอร์ไลน์ (NYSE:NASDAQ:AAL) พบว่าของอเมริกันแอร์ไลน์อยู่ต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปี 2020 อยู่ 45%
จากการประเมินของนักวิเคราะห์ระบุว่าต่อให้เศรษฐกิจสามารถดีขึ้นจนกลับมาเปิดเมืองเปิดประเทศได้ดังเดิมภายในสิ้นปีนี้ หุ้นของสายการบินก็ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่จะให้ผลตอบแทนได้ดีที่สุด เพราะสายการบินเป็นเหมือนกับสะพานที่เชื่อมนักท่องเที่ยวเข้ากับธุรกิจโรงแรม และการท่องเที่ยว จนกว่านักท่องเที่ยวจะกลับมามีความเชื่อมั่นเหมือนอย่างช่วงปี 2019 มนุษยชาติยังต้องใช้เวลาปรับตัวเพื่อเรียกความเชื่อมั่นอีกสักระยะ
นางเฮเลน เบเกอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Cowen & Co. ประเมินขาขึ้นของหุ้นเดลต้าในตอนนี้ว่าขึ้นมาแรงเกินไปเมื่อเทียบกับธุรกิจท่องเที่ยวที่ยังหดหายไปมากกว่า 85% ในปัจจุบัน ที่สำคัญมีเพียงผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลางเท่านั้นที่ยังเปิดบริการให้เดินทางด้วยเครื่องบินได้อยู่
“เดลต้าหวังว่าการฟื้นตัวในธุรกิจการท่องเที่ยวจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 แต่ตราบใดที่การกระจายวัคซีนยังล่าช้าอยู่เช่นนี้ กำไรของบริษัทในปี 2021 ที่คาดหวังก็ยิ่งจะถูกประเมินให้ลดลงเรื่อยๆ ตามเวลาที่เปลี่ยนไป”
ดอยซ์แบงก์ ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมันประเมินว่าสายการบินสหรัฐฯ ในตอนนี้แบกหนี้รวมกันไว้มากถึง $170,000 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งหมายความว่าต่อให้เศรษฐกิจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว สายการบินเหล่านี้ก็ไม่สามารถนำกำไรมาใช้ในการขยายตัวได้เพราะต้องชำระหนี้เก่าก่อน นั่นจึงเป็นสาเหตุให้นักลงทุนบางส่วนหันไปสนใจหุ้นของสายการบินราคาถูกอย่างเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ (NYSE:LUV) และอลีแจนท์ (NASDAQ:ALGT) เพราะเชื่อว่ามีโอกาสกลับมาทำกำไรได้เร็วกว่าสายการบินใหญ่ๆ
โดยสรุปแล้ว
หากต้องการลงทุนกับหุ้นสายการบินจริงๆ นักลงทุนจะต้องพิจารณาหุ้นสายการบินขนาดเล็กให้ละเอียดมากและยังไม่ควรลงทุนกับหุ้นสายการบินขนาดใหญ่เนื่องจากยังไม่สามารถกลับมาทำกำไรได้อย่างเต็มที่ภายในปี 2021 แน่นอน โดยภาพรวมแล้วหุ้นกลุ่มนี้ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกหนึ่งปีแล้วค่อยมาพิจารณาลงทุนกันใหม่