-
สัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯกลับมาสดใส จากความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
-
ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจทั่วโลกและทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลัก โดยตลาดอาจปิดรับความเสี่ยงและผันผวนมากขึ้น หากเฟดส่งสัญญาณพร้อมลดการอัดฉีดสภาพคล่องไวกว่าที่ตลาดมองไว้ เช่น ภายในปีนี้
-
หลายปัจจัยยังหนุนเงินดอลลาร์แข็งค่าระยะสั้น อาทิ ความวุ่นวายการเมืองสหรัฐฯ ความกังวลว่าเฟดจะลดการทำคิวอีเร็วและการทยอยปิดสถานะขายเงินดอลลาร์ (Short covering) ทั้งนี้ สกุลเงินตลาดเกิดใหม่อาจจะทรงตัวในกรอบ จากแนวโน้มฟันด์โฟลว์ที่ยังคงไหลเข้าตลาดทุนสุทธิ
-
กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 29.85-30.20 บาท/ดอลลาร์
-
ฝั่งสหรัฐฯ – การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มดึขึ้น จากความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสได้ ซึ่งภาพดังกล่าวจะถูกสะท้อนโดย ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนธันวาคม ที่จะปรับตัวขึ้นราว 0.2%จากเดือนก่อนหน้า ดีขึ้นจากที่หดตัว 1.1% ในเดือนพฤศจิกายน ขณะเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (UofM Consumer Sentiment) เดือนมกราคมจะปรับตัวขึ้นแตะระดับ 81จุด ดีขึ้นจาก 80.7จุด ในเดือนก่อน อย่างไรก็ดี ผลกระทบของการระบาด COVID-19 อาจส่งผลให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจในบางพื้นที่ซึ่งมีมาตรการ Lockdown ชะลอลง โดยดัชนีภาคการผลิตรัฐนิวยอร์ก (Empire Manufacturing Index) ในเดือนมกราคม จะลดลงเหลือ 2.0จุด จาก 4.9จุด ในเดือนก่อนหน้า นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ตลาดจะจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดและบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด (จันทร์: Bostic & Kaplan, อังคาร: Rosengren, พุธ: Harker และ พฤหัสฯ: Powell) ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน โดยเฉพาะ มาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง ที่อาจส่งผลให้ตลาดผันผวนได้ หากเฟดส่งสัญญาณว่าอาจถอนมาตรการดังกล่าวได้เร็วกว่าที่ตลาดมองไว้
-
ฝั่งยุโรป – การระบาดของ COVID-19 ทั่วยุโรปจะเป็นปัจจัยหลักที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนมกราคม (Sentix Investor Confidence) จะลดลงสู่ระดับ -5.0จุด ขณะเดียวกันความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวเศรษฐกิจจะทำให้ธนาคารกลางต้องใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อ โดยตลาดจะจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ BOE ถึงโอกาสการใช้ดอกเบี้ยนโยบายติดลบในวันจันทร์ ส่วนวันพุธ ตลาดจะรอดูแถลงการณ์ของประธาน ECB ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินในยุคหลัง COVID-19 และ Brexit
-
ฝั่งเอเชีย – การค้าของจีนจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกและเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้ยอดส่งออกเดือนธันวาคมโตได้ 15%จากระยะเดียวกันปีก่อน ด้านยอดนำเข้าก็โต 5% ส่วนในฝั่งเกาหลีใต้ แม้การฟื้นตัวเศรษฐกิจยังคงเผชิญปัญหาการระบาดของ COVID-19 แต่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ก็มีแนวโน้มที่จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.50% จนถึงปี 2023 จากความกังวลผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่ภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวต่อเนื่องและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการคลังที่สามารถทยอยผลักดันออกมาได้ ก็สามารถช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อยู่
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก