สิ่งที่นักลงทุนมักพยายามตามหาจากตลาดลงทุนเพื่อเอาชนะอยู่เสมอก็คือความผิดปกติของราคาหรือพฤติกรรมการวิ่งที่เป็นระบบ หนึ่งในนั้นก็คือการชิงความได้เปรียบลงทุนในช่วงเปิดตลาดปีใหม่ หลายคนมองว่านี่เป็นเพียงความเชื่อแต่ความจริงแล้ว การทำกำไรตั้งแต่เปิดปีใหม่นั้นมีสถิติรองรับจากงานวิจัยมาตั้งแต่ปี 1976 งานวิจัยชิ้นนั้นระบุว่าหนึ่งส่วนสามของกำไรทั้งปีในช่วงระหว่างปี 1904 - 1974 มาจากการลงทุนในเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว
ความเชื่อนั้นยังคงถูกส่งต่อมาจนถึงปัจจุบัน ในเดือนมกราคมปี 2021 นี้เชื่อว่านักลงทุนในตลาดอาจจะมีความต้องการหารตัวเลือการลงทุนในรูปแบบใหม่ๆ หลังจากที่สะบักสะบอมมาตลอดทั้งปี 2020 นักลงทุนบางกลุ่มที่เชื่อว่ากำไรจากการลงทุนตั้งแต่เปิดตลาดปีใหม่เป็นเรื่องจริงอาจจะกำลังมองหากองทุนรวมดัชนี (ETF) เล็กๆ สักกองทุนโดยหวังว่าจะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นตัวเลือกที่ดีได้ในปีหน้า
ในบทความนี้เราจะมาดูสองกองทุนรวมที่น่าสนใจประจำปี 2021 ที่เราเชื่อว่าจะได้ประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยงของนักลงทุนออกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีไปยังหุ้นกลุ่มอื่นมากยิ่งขึ้น
1. Vanguard S&P Small-Cap 600 Growth ETF
- ราคาซื้อขายปัจจุบัน: $198.52
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์ล่าสุด: $99.36 - $199.38
- เปอร์เซนต์การปันผล: 0.65%
- ค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการของกองทุน: 0.15%
กองทุน ETF ตัวแรกที่เราแนะนำมีชื่อว่า Vanguard S&P Small-Cap 600 Growth ETF (NYSE:VIOG) ซึ่งมักจะลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตบนดัชนี S&P SmallCap 600 กองทุนนี้เริ่มต้นเทรดตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2010 และปัจจุบันมีเงินลงทุนทั้งหมดรวมแล้วทั้งสิ้น $358 ล้านเหรียญสหรัฐ
กองทุน VIOG มีการแบ่งสัดส่วนการลงทุนอย่างชัดเจน พวกเขาลงทุนกับกลุ่มเทคโนโลยีมากที่สุด 22% ตามมาด้วยกลุ่มอุตสาหกรรม 18.80% สินค้าฟุ่มเฟือย 13.50% สุขภาพ 13.30% และการเงิน 12% แต่หากพิจารณาหุ้นเป็นตัวๆ แล้ว 10 บริษัทที่กองทุนนี้มั่นใจและชื่นชอบเป็นอย่างมากก็จะมีบริษัท Brook Automation (NASDAQ:BRKS)บริษัทผู้พยายามผลิตเทคโนโลยีที่สามารถสั่งการได้ด้วยตัวเองอัตโนมัติ ตามมาด้วย NeoGenomics (NASDAQ:NEO) บริษัทผู้พยายามวิจัยเพื่อเอาชนะโรคมะเร็ง Kinsale Capital (NASDAQ:KNSL) บริษัทในกลุ่มประกัน Yeti (NYSE:YETI) และ Saia (NASDAQ:SAIA)
ผลงานการปันผลตอบแทนคืนผู้ถือกองทุน VIOG นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน (YTD) พบว่าสามารถให้ผลตอบแทนคืนมาได้เกือบ 20% อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนควรทราบเอาไว้คือกองทุนนี้มีราคาปิดในเดือนตุลาคมอยู่ที่ $154.31 ปรับตัวลดลง 7% ก่อนที่จะสามารถปรับตัวกลับขึ้นไปได้ จากพฤติกรรมของราคาแบบนี้ เป็นไปได้ว่านักลงทุนบางส่วนอาจตัดสินใจเข้าซื้อกองทุนนี้ไปก่อนแล้ว ดังนั้นในระยะสั้นจึงมีความเป็นได้ที่ราคาของ VIOG จะวิ่งกลับลงมาเนื่องจากมีการทำกำไรระยะสั้นเกิดขึ้น หากว่ากราฟสามารถลงมาถึง $185 ได้ให้พิจารณาว่าระดับราคาดังกล่าวเป็นจุดเข้าที่ดี
2. Invesco S&P SmallCap Financials ETF
- ราคาซื้อขายปัจจุบัน: $49.12
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์ล่าสุด: $29.46 - $57.32
- เปอร์เซนต์การปันผล: 3.58%
- ค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการของกองทุน: 0.29%
กองทุน ETF ต่อมาที่เราแนะนำคือ Invesco S&P SmallCap Financials ETF (NASDAQ:PSCF) ซึ่งลงทุนกับบริษัทผู้ให้บริการด้านการเงิน การบริหารจัดการเงินทุน การประกัน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็กเป็นหลัก กองทุนนี้ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายนปี 2010 มีเงินทุนหมุนเวียนอยู่เพียง $27 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้นเนื่องจากเป็นกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารของสถาบันขนาดใหญ่อีกที
บริษัททางด้านการเงินที่กองทุนนี้ให้ความสนใจนั้นมีมากมายอย่างเช่น Kinsale Capital กองทุนที่เน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) Innovative Industrial Properties (NYSE:IIPR) Agree Realty (NYSE:ADC) Trupanion (NASDAQ:TRUP) ผู้ให้บริการประกันชีวิตให้กับสัตว์เลี้ยงและ Community Bank System (NYSE:CBU)
กราฟของกองทุน PSCF ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบันปรับตัวลดลง 14% มีอัตราเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) ล่วงหน้าอยู่ที่ 18.07 และ 1.09 หากต้องการเพิ่มกองทุนนี้เข้าไปอยู่ในพอร์ตการลงทุน เราขอแนะนำให้รอราคาลงมาที่ $45 ก่อนแล้วจึงตัดสินใจเข้าซื้อ