ท่ามกลางความผันผวนจากปัจจัยที่ไม่อาจควบคุมได้ตลอดทั้งปี 2020 นักลงทุนผู้ชื่นชอบในการมีกำไรตายตัวเริ่มเห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กลับมาทวีความรุนแรงมากขึ้นอีกระลอก
อย่างไรก็ตาม ยังมีหุ้นบางตัวที่สามารถให้ผลตอบแทนได้เป็นอย่างดีแม้ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงเช่นนี้ซึ่งทางทีมงาน investing.com ได้คัดมาให้คุณผู้อ่านได้พิจารณาภายใต้เงื่อนไขที่ว่าห้าหุ้นปันผลที่ดีที่สุดประจำปี 2020 จะต้องเป็นหุ้นที่มีโครงสร้างทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีสภาพคล่องภายในบริษัทที่มั่นคงเพื่อให้มั่นใจว่าหุ้นทั้งห้าตัวนี้จะสามารถมอบผลกำไรในระยะยาวให้กับผู้อ่านได้
1. Home Depot
บริษัทธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในด้านรายได้ (ปี 2019) โฮม ดีโปท์ (NYSE:HD) คือหุ้นตัวแรกที่เรามองว่าทำผลงานขาขึ้นได้อย่างโดดเด่นตลอดทั้งปี 2020 เพราะได้รับอานิสงส์มาจากการสร้างและต่อเติมบ้านของชาวอเมริกันเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทำงานจากออฟฟืศมาเป็นการทำอยู่บ้านมากยิ่งขึ้น
ถือว่าโฮม ดีโปท์โชคดีเป็นอย่างมากที่ตัดสินใจลงทุนด้วยวงเงินประมาณ $11,000 ล้านเหรียญสหรัฐในการพัฒนาระบบการซื้อสินค้าจากบริษัท การเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคให้สามารถจับจ่ายใช้สอยผ่านโลกดิจิทัลคือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้บริษัทยังสามารถรักษากำไรไว้ได้ในยามที่โควิด-19 เดินทางมาถึงสหรัฐอเมริกา ด้วยการลงทุนที่เข้าใจถึงความสำคัญของโลกดิจิทัลในอนาคต จึงทำให้เราเชื่อว่าโฮม ดีโปท์จะยิ่งสามารถเพิ่มยอดขายได้อีกในอนาคตซึ่งหมายความว่าเงินปันผลของผู้ถือหุ้นก็จะเพิ่มขึ้นตามด้วยเช่นกัน
ในแง่ของการปันผล โฮม ดีโปท์คือบริษัทที่มีการปันผลที่เชื่อถือได้ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โฮม ดีโปท์ได้เพิ่มเปอร์เซนต์การปันผลในแต่ละไตรมาสขึ้นมาแล้วมากถึง 380% และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลอยู่ที่ 50% ซึ่งถือว่าดีมากๆ และยังมีโอกาสที่ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นได้อีก ปัจจุบันหุ้นของโฮม ดีโปท์ปรับตัวขึ้นมาแล้วตลอดทั้งปีนี้ 25% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $270.45 มีความน่าจะเป็นว่าการปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $1.5 ต่อหุ้นและการปันผลรายปีอยู่ที่ 2.2%
2. Microsoft
ไม่ต้องแนะนำตัวให้มากความ เราเชื่อว่าผู้อ่านเกิน 95% ก็ต้องรู้จักยักษ์ใหญ่แห่งวงการคอมพิวเตอร์รายนี้ดีอยู่แล้ว สำหรับหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ไม่มีใครมีอัตราการปันผลที่ดีไปกว่าบริษัทไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการคอมพิวเตอร์ บรมจารย์ชั้นครูของวงการที่ทำให้โลกพัฒนามาได้อย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
รายได้และการเติบโตของบริษัททำให้ไมโครซอฟต์สามารถก้าวผ่านปีแห่งความวิปโยคนี้ไปได้อย่างไม่ลำบากนัก กลายเป็นว่าการแพร่ระบาดกลับทำให้ความต้องการสินค้าและบริการจากไมโครซอฟต์มีเพิ่มมากขึ้น บริษัท และองค์กรต่างๆ หันมาใช้ซอฟต์แวร์เพื่อทำงานผ่านโลกออนไลน์ซึ่งไมโครซอฟต์ก็เล็งเห็นโอกาสนี้และเปิดให้บริการทำงานผ่านคลาวด์อย่าง “ไมโครซอฟต์ ทีม (Microsoft Team)” ทันความต้องการของผู้บริโภคในทันที
ตลอดทั้งปี 2020 หุ้นของไมโครซอฟต์ปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 38% จากความต้องการสินค้าและบริการที่ได้กล่าวถึงไป มีราคาซื้อขายหุ้นอยู่ที่ $218.59 และมีเปอร์เซนต์การปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.56 ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นผู้ถือหุ้นไมโครซอฟต์ในปีนี้ได้เงินตอบแทนคืนมากถึง 10% ตลอดทั้งปี
3. Nike
บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ และเครื่องแต่งกายกีฬาชื่อดังไนกี้ (NYSE:NKE) ก็นับว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่สามารถปันผลให้กับนักลงทุนได้ในช่วงที่โรคระบาดกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่ตลอดทั้งปี
สิ่งที่ช่วยให้ไนกี้สามารถเอาตัวรอดจากปีที่แล้วร้ายนี้มาได้ต้องยกเครดิตให้กับการบริหารจัดการเงินทุนอย่างยอดเยี่ยมและการเปลี่ยนมาขายสินค้าผ่านออนไลน์ เมื่อแบรนด์ไนกี้ที่แข็งแกร่งอยู่แล้วประกอบกับโครงสร้างทางธุรกิจที่มั่นคง ทำให้หุ้นไนกี้สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคมได้อย่างรวดเร็ว สร้างผลตอบแทนให้กับผู้ที่ซื้อหุ้นไนกี้ในช่วงเดือนมีนาคมได้อย่างมหาศาล
ตลอดทั้งปี 2020 หุ้นไนกี้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 37% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $137.28 พึ่งขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในเดือนพฤศจิกายน ไนกี้พึ่งประกาศเพิ่มเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอีกไตรมาสละ 12% เท่ากับว่าตอนนี้การปันผลรายไตรมาสของไนกี้มีตัวเลขอยู่ที่ $0.275 และมีเปอร์เซนต์การปันผลรายปีอยู่ที่ 0.80%
4. Enbridge
วิกฤตโรคระบาดที่เกิดขึ้นในปีนี้ส่งผลให้สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมาก แม้ตลาดน้ำมันจะได้รับผลกระทบจากความต้องการของผู้บริโภคหดหาย แต่หุ้นของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาเหนือเอ็นบริดจ์ (NYSE:ENB) ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการปันผลระยะยาว โดยเฉพาะยิ่งในหมู่นักลงทุนที่โฟกัสอยู่กับพลังงานในปัจจุบันมากกว่าพลังงานในอนาคต
หนึ่งในเหตุผลที่เราเลือกหุ้นของเอ็นบริดจ์มากกว่าบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆ เป็นเพราะเอ็นบริดจ์ไม่ได้ลงทุนเฉพาะธุรกิจน้ำมันเท่านั้น แต่เอ็นบริดจ์ยังมีการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจพลังงานในรูปแบบอื่นๆ สิ่งนี้เองคือเกราะป้องกันเอ็นบริดจ์ทำให้ไม่ได้รับกระทบจากความต้องการน้ำมันตกต่ำ ยกตัวอย่างเช่นธุรกิจการส่งออกก๊าซธรรมชาติช่วยให้เอ็นบริดจ์มีเงินหมุนเวียนในปีนี้ประมาณ 30% เมื่อธุรกิจสามารถหมุนต่อไปได้ เอ็นบริดจ์จึงยังสามารถปันผลคืนให้กับผู้ถือหุ้น ตัวเลขการปันผลรายไตรมาสของบริษัทนั้นอยู่ที่ $0.6525 และมีเปอร์เซนต์การปันผลกำไรรายปีอยู่ที่ 8%
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เอ็นบริดจ์เป็นบริษัทพลังงานที่น่าสนใจคือการเป็นยักษ์ใหญ่ที่กล้าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองตามโลกที่เปลี่ยนไป เอ็นบริดจ์ในช่วงสามปีล่าสุดนั้นวุ่นอยู่กับการปรับปรุงโครงสร้างของบริษัท เอ็นบริดจ์ทำทุกอย่างที่ควรจะทำเช่นการขายสินทรัพย์ที่ไม่มีประโยชน์ การพัฒนารากฐานของธุรกิจทำกำไรเดิมและพยายามชำระหนี้ให้มากที่สุดเพื่อย่นเวลาการชำระหนี้ในระยะยาวลงมา ด้วยนโยบายการดำเนินงานเช่นนี้จึงทำให้เอ็นบริดจ์กลายเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว
5. Walmart
หุ้นตัวสุดท้ายที่เราอยากจะนำเสนอในบทความนี้คือยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกสหรัฐฯ วอลล์มาร์ท (NYSE:WMT) ตั้งแต่วอลล์มาร์ทเริ่มปันผลครั้งแรกในเดือนมีนาคมปี 1984 จนถึงตอนนี้วอลล์มาร์ทก็ยังเพิ่มเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอยู่ทุกปี ความสามารถในการปันผลต่อเนื่องยาวนานเกินกว่า 25 ปีทำให้วอลล์มาร์ทมีชื่ออยู่ในกลุ่มหุ้น 53 เทพของ S&P 500 ที่มีความสามารถในการปันผลดีเยี่ยม
ในช่วงการแพร่ระบาดที่ผ่านมา หุ้นวอลล์มาร์ทก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความปลอดภัย การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคจากออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์ไม่ใช่อุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการค้าปลีกของวอลล์มาร์ทเลย ตลอดทั้งปีหุ้นวอลล์มาร์ทปรับตัวขึ้นมาแล้ว 23% มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ $145.95 ส่วนการปันผล ผู้ถือครองหุ้นวอลล์มาร์ทจะได้รับการปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $0.54 ต่อหุ้น มีเปอร์เซนต์การปันผลรายปีอยู่ที่ 1.48%