มหกรรมลดราคา Black Friday เริ่มต้นขึ้นแล้ว ตอนนี้! ห้ามพลาดกับส่วนลดสูงสุดถึง 60% InvestingProรับส่วนลด

ทองคำอาจต้องการแรงหนุนจากข่าวหากเทคนิคไม่อาจทำให้ราคากลับขึ้นมาได้

เผยแพร่ 02/12/2563 15:10
XAU/USD
-
GC
-

ถือเป็นเรื่องที่น่าใจหายเหมือนกันที่ได้เห็นราคาทองคำร่วงลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาลลงมามีราคา $1800 ภายในเวลาเพียง 4 เดือนเท่านั้น ขอท้าวความกลับไปสักเล็กน้อย ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคมยาวมาจนถึงกรกฎาคมตอนนั้นราคาทองคำอยู่ในขาขึ้นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากด้วยขาขึ้น $400 หรือคิดเป็น 25% จนสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ที่ $2,090 เพราะดอลลาร์ และพันธบัตรรัฐบาลอ่อนค่าจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

จากนั้นอีกสี่เดือนต่อมา เราก็ได้เห็นหนังอีกม้วนหนึ่งของทองคำเมื่อเริ่มมีข่าวเกี่ยวกับวัคซีนต้านโควิด-19 ออกมา จากเดิมที่นักลงทุนทองคำคิดจะทำเพียงพักตัวก็เปลี่ยนเป็นผลักราคาทองคำลงสู่เหว กลับไปถือสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดหุ้นมากขึ้น โยกเงินไปมาระหว่างกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มวัฐจักรอย่างสนุกสนาน ความหวังที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติคือปัจจัยเดียวที่ยื้อตลาดหุ้นเอาไว้ในขาขึ้นทั้งๆ ที่ยอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มสูงขึ้นและมีโอกาสที่การล็อกดาวน์ในหลายๆ ประเทศจะกลับมาอีกครั้งในเดือนสุดท้ายของปี 2020 นี้

ตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่จะส่งมอบในเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวลดลง 0.4% หรือ $7.20 ลงมาอยู่ที่ราคา $1,780.90 ต่อออนซ์เมื่อวันจันทร์ซึ่งก่อนหน้านี้เคยลงไปสร้างจุดต่ำสุดที่ $1,767.40 ซึ่งไม่เคยเห็นขาลงอย่างนี้เกิดขึ้นตั้งแต่การลงไปยัง $1,745.50 มาตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน ตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายน ตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้าสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมากกว่า 6% หรือ $112.50 กลายเป็นขาลงที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2016 ที่เคยร่วงลง 7%

นับตั้งแต่ขาลงอย่างดุเดือดเมื่อสามสัปดาห์ก่อน นักวิเคราะห์ทางเทคนิคชื่อดังหลายคนก็ได้พลัดกันออกมาประเมินแนวรับสุดแกร่งที่เชื่อว่าจะสามารถยั้งขาลงของทองคำเอาไว้ได้ แต่ก็อย่างที่เห็นว่าเมื่อมีข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีนต้านโควิดเข้ามา ครั้งแล้วครั้งเล่าที่แนวรับเหล่านั้นถูกเจาะโดยไม่มีการรับประกันว่าทองคำจะกลับขึ้นมาได้เมื่อไหร่

เป็นไปได้ไหมที่ทองคำจะได้แรงหนุนขาขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ?

ถ้าหากการวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่ได้ผล งั้นก็เหลือเพียงความหวังเดียวที่จะสามารถทำให้ทองคำกลับขึ้นมาได้ นั่นก็คือ “มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ” ที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดได้ออกมาย้ำอยู่ตลอดว่าเศรษฐกิจของประเทศจำเป็นต้องพึ่งเงินจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว เฟดก็ได้แสดงตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อล่าสุดให้ได้เห็นเพื่อหวังว่าจะยืดมาตรการปล่อยสินเชื่อของตัวเองออกไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคมจากเดินที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม ไม่ใช่เพียงธนาคารกลางสหรัฐฯ เท่านั้น แต่นักวิเคราะห์ก็ประเมินว่าการประชุมของธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB) ในเดือนนี้ก็ไม่น่ารอดที่จะต้องประกาศนโยบายการเงินใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน

สาเหตุที่ตลาดเชื่ออย่างสนิทใจว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยดันราคาทองคำให้กลายเป็นขาขึ้นได้นั้นเพราะพวกเขาเคยเห็นพลานุภาพของมาตรการนี้ไปแล้วในการกระตุ้นครั้งแรกเดือนมีนาคม ในตอนนั้นไม่มีใครคัดค้านการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า $3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐของทรัมป์เลยไม่ว่าจะเป็นสภาล่างของเดโมแครตหรือสภาสูงของรีพับลิกัน หลังจากกระตุ้นเศรษฐกิจไปได้สักพัก ในช่วงกลางปีตลาดก็เริ่มรับรู้ได้ว่าการชะลอตัวเริ่มกลับมา นั่นจึงทำให้มีข่าวลือหนาหูมาตลอดว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สอง แต่ทั้งเดโมแครต และรีพับลิกันก็ยื้อเรื่องนี้มาโดยตลอดจนกระทั่งเลยการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นโจ ไบเดนแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาก็มีข่าวจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ นายสตีเวน มนูชินที่ออกมาแนะนำสภาคอนเกรสให้ใช้เงินจำนวน $455,000 ล้านเหรียญสหรัฐจาก CARES ในการกระตุ้นเศรษฐกิจแทนที่จะขอเงินก้อนใหม่ ในขณะเดียวกันพรรคเดโมแครตก็มีความเห็นว่าหากจะให้กระตุ้นเศรษฐกิจตอนนี้ต้องใช้เงินอย่างน้อย $2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

การเลือกตั้งพิเศษที่รัฐจอร์เจียคือกุญแจสำคัญ

หากว่ากันตามรูปเกมการเมืองสหรัฐฯ ตอนนี้รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของโจ ไบเดนที่จะเข้ามารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมจะต้องทำงานร่วมกับสภาสูงที่มีเสียงส่วนมากเป็นพรรครีพับลิกัน หากเป็นเช่นนั้นการออกนโยบายหรือมาตรการใดๆ ก็ตามของไบเดนจะต้องเหนื่อยทุกครั้งที่เรื่องมาถึงสภาสูง แต่สถานการณ์นั้นอาจเปลี่ยนไปจากการเลือกตั้งพิเศษในรัฐจอร์เจียที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 5 มกราคม หากเดโมแครตชนะ พวกเขาจะได้ครองทั้งทำเนียบขาวและสภาสูง

นาย  Rhona O'Connell หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดลงทุนเอเชียของบริษัท StoneX Group แสดงความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจและทองคำว่า

“หากเดโมแครตชนะการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจียและได้สภาสูงไปครอง เชื่อได้เลยว่าโจ ไบเดนมีโอกาสทำตามนโยบายหาเสียงของเขาได้สูงมาก แต่ถ้าไม่ เขาจะเจอเกมการเมืองจากพรรครีพับลิกันที่จะทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาช้าลง”

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทองคำจะต้องไม่ลงไปต่ำกว่า $1,768

ไหนๆ เราก็พูดถึงปัจจัยหนุนทองคำแล้ว ก็ขอทิ้งท้ายด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคสักหน่อย

Gold Daily

นาย Sunil Kumar Dixit นักวิเคราะห์จาก SK Dixit Charting วิเคราะห์ว่าทองคำมีโอกาสทั้งกลับขึ้นไปยัง $1,965 และมีโอกาสลงไปถึง $1,660 ได้

“จากสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าราคาทองคำกับแนวรับ $1,768 จะสามารถเจรจาสงบศึกกันได้โดยมีแนวรับเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 50 EMA ในกราฟรายสัปดาห์พยุงเอาไว้ หากทองคำสามารถดีดกลับขึ้นมาได้ให้พิจารณาแนวต้านแรกเอาไว้ที่ $1,800 - $1,817 จากนั้นหากขาขึ้นยังแข็งแกร่งจนพาทองคำขึ้นไปยืนเหนือ $1,817 ได้จะเปิดโอกาสให้ทองคำกลับขึ้นไปยัง $1,848 โดยมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ $1,902, $1,931 และ $1,965 ตามลำดับ ในทางกลับกันหากแนวรับ $1,768 ไม่สามารถพยุงราคาเอาไว้ได้ ให้พิจารณาแนวรับ $1,748 $1,688 และ $1,660 รอไว้ได้เลย” 

Gold Weekly

Anil Panchal นักวิเคราะห์จาก FXStreet มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกับ Dixit โดยเสริมว่าการที่อินดิเคเตอร์ RSI อยู่ในโซน oversold ทำให้ขาขึ้นของทองคำมีโอกาสเกิดได้ง่ายขึ้น

“ตราบใดที่ราคาทองคำยังไม่สามารถเส้นค่าเฉลี่ย 50 ชั่วโมงในกราฟรายชั่วโมงขึ้นมาได้ ตราบนั้นโอกาสก็ยังเป็นของขาลงอยู่ แต่หากทองคำสามารถขึ้นยืนเหนือ $1,800 ได้ ให้พิจารณาแนวต้านถัดไปที่ $1,849”

ส่วนการวิเคราะห์ Investing.com เราประเมินในกราฟรายวันว่าทองคำยังอยู่ใน “ขาลงที่แข็งแกร่ง” อยู่โดยมีแนวรับตามเครื่องมือ Fibonacci Retracement อยู่ที่ $1,770.50 $1,764.34 และ $1,754.37 ส่วนแนวต้านเรามองเอาไว้ที่ $1,790.44 $1,796.60 และ $1,806.57 โดยมีจุดกึ่งกลางอยู่ที่ $1,780.47

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย