หากเป้าหมายการลงทุนของคุณคือการสร้างพอร์ตที่สามารถทำกำไรได้อย่างมั่นคง ดังนั้นการเลือกหุ้นที่มีความสามารถในการปันผลสม่ำเสมอจึงควรเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง โมเดลการปั้นพอร์ตพื้นฐานอย่างเช่นซื้อหุ้น 60% และซื้อบอนด์ 40% ของพอร์ตยังคงเป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุนระยะยาว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าหากใช้โมเดลดังกล่าวในปีนี้ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน (YTD) นักลงทุนจะมีกำไรแล้วทั้งสิ้น 13% ซึ่งมีค่าเทียบเท่ากับขาขึ้นของดัชนีที่ใช้วัดการคืนทุนของ S&P 500 (HFRX) และยังได้กำไรเพิ่มอีก 3.5%
เพื่อเป็นตัวช่วยในการเลือกหุ้นที่ดีสำหรับการเกษียณอายุ ในบทความนี้เราจึงได้เลือกหุ้นสามตัวที่มาจากต่างกลุ่มกัน แต่สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือความสามารถปันผลอย่างมีเสถียรภาพ
1. Microsoft
หนึ่งในปัจจัยแรกที่ควรคำนึงถึงสำหรับการเลือกหุ้นที่จะเข้ามาอยู่ในพอร์ตเกษียณอายุคือ “จะต้องสามารถปันผลได้ไม่ว่าสถานการณ์โลกจะดีหรือแย่” ไมโครซอฟท์ (NASDAQ:MSFT) บริษัทเทคโนโลยียุคเก่าแต่ยังเก๋าคือหนึ่งในตัวเลือกที่มีคุณสมบัติในแบบที่เราต้องการ
นักลงทุนหลายคนประเมินหุ้นไมโครซอฟท์ผิดไปว่าก็เป็นเพียงหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีตัวหนึ่งที่มีอัตราการเติบโตดี แต่หากได้ดูรายละเอียดเชิงลึกกว่านั้นจะเห็นว่าการทำกำไรของบริษัทมีความน่าดึงดูดมาก ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์มีประวัติที่ดีในการปันเงินคืนสู่นักลงทุนอยู่เสมอ
ในช่วงห้าปีหลังสุดไมโครซอฟท์มีการเติบโตในแง่ของการปันผลอยู่ที่ 10.5% อันเป็นผลมาจากการมีฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ปัจจุบันไมโครซอฟท์มีอัตราการปันผลรายปีอยู่ที่ 1% และการปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $0.56 ต่อหุ้น แม้บางคนจะมองว่าตัวเลขดังกล่าวค่อนข้างน้อย แต่อย่าลืมว่าบริษัทไมโครซอฟท์ในตอนนี้นั้นเติบโตขึ้นทุกๆ ปี ในช่วงห้าปีล่าสุดพวกเขาปันผลคืนนักลงทุนรวมแล้วประมาณ 290%
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่ไมโครซอฟท์จะเพิ่มเงินปันผลจากกำไรที่ได้มา ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดอย่างรุนแรง ความต้องการบริการด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ วิดีโอเกมและคอมพิวเตอร์เพิ่มสูงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้คือแรงสนับสนุนผลกำไรของบริษัทไมโครซอฟท์ทั้งสิ้น และด้วยความที่เป็นยักษ์ใหญ่ในตลาดจึงทำให้ไมโครซอฟท์มีความสามารถการปกป้องธุรกิจตัวเองและมอบเงินปันผลให้กับคุณได้ไปตลอดชีวิต
2. Home Depot
บริษัทธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในด้านรายได้ (ปี 2019) โฮมดีโป (NYSE:HD) คือตัวเลือกอันดับสองสำหรับการสร้างพอร์ตเพื่อการเกษียณที่เราต้องการนำเสนอ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาพบว่าการเติบโตของความสามารถในการปันผลของโฮมดีโปเพิ่มขึ้น 23% ในทุกๆ ปี และด้วยความสามารถในการมีอัตราการปันผลอยู่ที่ 50% จึงทำให้บริษัทยังสามารถเพิ่มเปอร์เซนต์การปันผลขึ้นได้มากกว่านี้อีก ปัจจุบันโฮมดีโปมีเปอร์เซนต์การปันผลต่อปีอยู่ที่ 2.17% และมีตัวเลขการปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $1.50
ในช่วงการแพร่ระบาดที่ผ่านมา โฮมดีโปยังสามารถรายงานการเติบโตของตัวเลขผลประกอบการได้เนื่องจากผู้บริโภคต้องการซื้อวัสดุก่อสร้างมาตกแต่งบ้านเพิ่มพื้นที่สำหรับการเตรียมตัวทำงานอยู่ที่บ้าน โฮมดีไปได้รายงานตัวเลขกำไรมูลค่า $3,354 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่สามซึ่งพบว่าเพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 ในขณะที่ตัวเลขกำไรจากสาขาเดิมทั่วโลกเติบโตขึ้น 24% แบบปีต่อปีและเพิ่มขึ้น 25% เฉพาะในสหรัฐอเมริกา
นักวิเคราะห์คาดว่าเทรนด์ของการเปลี่ยนแปลงนี้จะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมนุษยชาติในยุคนี้ที่สามารถเอาตัวรอดจากโควิด-19 มาได้เรียนรู้แล้วว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านไปทำงานที่ออฟฟิศอีกต่อไป นอกจากนี้โฮมดีโปยังถือเป็นหนึ่งในบริษัทค้าปลีกไม่กี่แห่งที่สามารถปรับตัวเองให้รอดพ้นมาจากการเปลี่ยนแปลงของวงการ E-commerce ได้อย่างฉับพลัน อย่างเช่นที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างอะเมซอน (NASDAQ:AMZN) สามารถทำได้และเติบโตได้เป็นอย่างดีในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากเดียวกัน
แม้ว่าปัจจุบันหุ้นของโฮมดีโปจะไม่ได้มีราคาถูก แต่ด้วยอัตราการจ่ายเงินปันผลต่ำและความสามารถในการเติบโตทางธุรกิจในอนาคตจึงทำให้การปันผลของบริษัทในอนาคตยังมีโอกาสเติบโตได้มากยิ่งกว่านี้ ปัจจุบันหุ้นของโฮมดีโปมีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $268.14
3. Coca-Cola
หนึ่งในหุ้นยอดฮิตตลอดกาลสำหรับการสร้างพอร์ตสำหรับวัยเกษียณที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือบริษัทผู้ผลิตน้ำอัดลมชื่อดังที่มีวางขายน่าจะแทบทุกพื้นที่ทั่วโลกและไม่มีใครต่อกรกับพวกเขาได้นั่นก็คือแบรนด์โคคาโคลา (NYSE:KO)
ไม่แปลกใจที่จะไม่มีใครสามารถขึ้นมาต่อกรกับโคคาโคลาได้ เพราะนอกจากจะมีแบรนด์เครื่องดื่มของตัวเองที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว โคคาโคลายังเป็นเจ้าของเครื่องดื่มน้ำอัดลมไร้แอลกอฮอล์อีกมากกว่า 500 แบรนด์ มีผลิตภัณฑ์วางขายอยู่ใน 200 ประเทศทั่วโลกและมี 21 แบรนด์ภายใต้โคคาโคลาที่สามารถปันผลจากยอดขายรายปีได้รวมกันถึง $1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ด้วยสภาพคล่องทางการเงินที่ไม่เคยขาดมือของโคคาโคลาและน้ำอัดลมที่มีวางขายอยู่แทยทุกที่บนโลก จึงไม่แปลกใจเลยที่โคคาโคลาจะสามารถมอบเงินปันผลคืนให้กับนักลงทุนมาตลอด 50 ปีติดต่อกัน แม้จะเป็นความจริงว่าตัวเลขนี้จะไม่การันตีความสามารถในการปันผลในอนาคตได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถบอกกับนักลงทุนได้ว่ามีไม่กี่บริษัทบนโลกนี้ที่สามารถปันผลต่อเนื่องมาได้ยาวนานขนาดนี้ ภายใน 50 ปีนั้นโคคาโคลาเคยเผชิญหน้ากับวิกฤตเศรษฐกิจใหญ่ๆ มาแล้วแต่ก็ยังสามารถรักษาสถิติการจ่ายเงินปันผลเอาไว้ได้ตลอด นักลงทุนบางคนยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำในยุคที่โคคาโคลาเริ่มปันผลครั้งแรก
ปัจจุบันโคคาโคลามีเปอร์เซนต์การปันผลรายปีอยู่ที่ 3.1% และมีการจ่ายเงินปันผลในแต่ละไตรมาสอยู่ที่ $0.41 ความสามารถในการเอาตัวรอดตลอด 50 ปีที่ผ่านมาและสภาพคล่องที่มีอยู่ในมือมากขนาดนี้ โคคาโคลาจึงสมควรอย่างยิ่งแล้วที่จะได้เข้าไปอยู่ในพอร์ตการลงทุนสำหรับผู้ที่ต้องการนอนนับเงินอย่างสบายใจในวัยเกษียณ