กราฟราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงเป็นวันที่สี่ติดต่อกัน คิดเป็น 5% ของระยะทางที่ลงมาทั้งหมดและยังถือเป็นขาลงที่ชันที่สุดนับตั้งแต่ก่อนถึงจุดต่ำสุดของเดือนมีนาคม ในเดือนกันยายนนี้ราคาทองคำได้วิ่งลงมาแล้วประมาณ 6.61% นี่คือเรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนมากเพราะในฐานะที่เป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัยกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่มีความแน่นอนเช่นนี้ราคาทองคำกลับวิ่งลงตีคู่มากับดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวลดลง 7.6% เช่นเดียวกัน
เหตุผลเดียวที่สามารถยกมาอธิบายขาลงของราคาทองคำในเวลานี้ได้ก็คือการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐที่ในเดือนนี้ดอลลาร์วิ่งขึ้นมาแล้ว 2.5% ทั้งๆ ที่นักลงทุนในตลาดพากันเทขายหุ้นสหรัฐฯ กันอยู่ สาเหตุที่ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าได้ในเวลานี้มีสองข้อ 1) การดึงเงินออกจากตลาดหลักทรัพย์และหันมาถือเงินสดซึ่งนักลงทุนก็เลือกที่จะถือดอลลาร์เพราะเป็นสกุลเงินสำรอบอันดับหนึ่งของโลก 2) แถลงการณ์ต่อสภาคอนเกรสของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งประธานธนาคารกลางชิคาโกได้ออกมาบอกว่าธนาคารกลางฯ อาจสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วกว่าที่คาดการณ์
แบบนี้แล้วหมายความว่าราคาทองคำจะต้องมุ่งหน้าลงต่อใช่หรือไม่? เราไม่คิดเช่นนั้นเพราะปัจจุบันเรามองว่าขาขึ้นของดอลลาร์เป็นปัจจัยชั่วคราวมากกว่า ตอนนี้ดอลลาร์แข็งค่าได้เพราะแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อสภาคอนเกรสที่กินระยะเวลามาสามวันได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อคืนนี้ ประกอบกับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ไม่ชัดเจนและแนวต้านสำคัญที่กราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐกำลังเผชิญทำให้ดอลลาร์มีโอกาสที่จะกลับลงไปอยู่ในแนวโน้มขาลงเหมือนเดิม เมื่อนำเหตุผลที่ดอลลาร์จะอ่อนมูลค่าลงกับตลาดหุ้นที่อยู่ไม่รู้ว่าจะกลับขึ้นมาได้เมื่อไหร่มารวมกัน เราจะได้เหตุผลหนุนราคาทองคำให้กลับมาเป็นที่ต้องการในฐานะสินทรัพย์สำรองอีกครั้ง
แม้จะมีปัจจัยหนุนทองคำอยู่หลายอย่างแต่เราก็ยอมรับว่าทิศทางการวิ่งของราคาทองคำต่อไปในอนาคตยังคงซับซ้อน เพราะเราลังเลที่จะคาดการณ์ว่าทองคำจะไปทางไหนต่อดังนั้นในบทความนี้เราจึงจะขออธิบายภาพการวิเคราะห์ทางเทคนิคของเราแทน
นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมเราจะเห็นว่ากราฟทองคำมีการเปลี่ยนแปลงอยู่หลายครั้ง หลังจากที่ราคาสามารถลงมาต่ำกว่าจุดต่ำสุดของวันที่ 12 สิงหาคมได้แล้วจะเห็นว่าทองคำสร้างรูปแบบสามเหลี่ยมขึ้นมามากมายตั้งแต่สามเหลี่ยมสมมาตรจากจุดสูงสุดวันที่ 7 สิงหาคมลงมาถึงจุดต่ำสุดวันที่ 12 สิงหาคมและยังมีสามเหลี่ยมที่เล็กกว่าจากจุดต่ำสุดวันที่ 12 สิงหาคมถึงวันที่ 18 สิงหาคม และสุดท้ายสามเหลี่ยมลู่ลงจากจุดสูงสุดวันที่ 18 สิงหาคมสู่จุดต่ำสุดในวันที่ 21 สิงหาคม (เส้นประสีแดง) อันที่จริงแล้วแม้จะตัดสามเหลี่ยมเล็กๆ เหล่านั้นออกไปเราก็คาดการณ์ได้อยู่ดีว่าด้านที่ราคาทองคำจะเลือกทะลุคือขาลง
หากพิจารณาเส้นค่าเฉลี่ยที่มีอยู่ทั้งหมดสามเส้นในตอนนี้ (50, 100 และ 200 วัน) จะเห็นว่ากราฟหลุดแนวรับแรกที่คอยหนุนฐานของการปรับฐานแบบสามเหลี่ยมลงมาก่อน ตอนนี้กำลังทดสอบแนวรับสำคัญที่เส้น 100 วันซึ่งคิดเป็นกึ่งกลางของระยะทางในกรอบราคาขาลงพอดี และมีแนวรับสุดท้ายรออยู่ที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน
หากว่ากราฟสามารถหลุดเส้นแนวรับนี้ลงไปได้ราคาทองคำก็คงจะปรับตัวลงต่อ ถึงกระนั้นที่เราเห็นว่าเป็นแนวโน้มขาลงเพราะเราดูในกราฟรายวันซึ่งเป็นแนวโน้มระยะสั้น หากลองเปิดดูในกราฟระยะกลาง (รายสัปดาห์) หรือระยะยาว (รายเดือน) จะเห็นว่าราคาทองคำยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอยู่ดี ดังนั้นหากคิดจะเสี่ยงลองวางคำสั่งขายในระยะสั้นตอนนี้ก็ให้ระวังการกลับมาของขาขึ้นระยะยาวด้วย
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่าราคาทองคำสร้างจุดสูงสุดใหม่เหนือระดับราคา $2,089.20 ก่อนถึงจะวางคำสั่งซื้อในระยะยาว
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะเสี่ยงวางคำสั่งขายโดยต้องมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ กราฟวิ่งย่อกลับขึ้นมาทดสอบแนวรับที่พึ่งกลายเป็นแนวต้านล่าสุด ตามด้วยแท่งเทียนยันยันสีแดงแห่งใหญ่หนึ่งแท่ง
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะวางคำสั่งขายเช่นเดียวกันกับกลุ่มที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง แต่จะไม่รอแท่งเทียนที่เป็นสัญญาณยืนยัน
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: $1,915 (จุดต่ำสุดของสามเหลี่ยมลู่ลง)
- Stop-Loss: $1,940 (จุดต่ำสุดของสามเหลี่ยมสมมาตร)
- ความเสี่ยง: $25
- เป้าหมายในการทำกำไร:$1,800 (จุดสูงสุดของวันที่ 18 พฤษภาคม)
- ผลตอบแทน: $100
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:4