มีเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ ในอเมริกา covid 19 ระบาดแบบเอาไม่อยู่ ผมมีเพื่อนที่อาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขาบอกว่าหน่วยงานของรัฐรับมือกับโรคระบาดแบบล้นมือ นโยบายของรัฐบาลกลางกับท้องถิ่นมีบางประเด็นที่ขัดแย้ง นี่เป็นเหตุผลที่ประชาชนไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง อยู่กันแบบหายใจไม่ทั่วท้อง
ในภาคธุรกิจ มีการประกาศล้มละลายและธุรกิจเลิกกิจการเป็นจำนวนมาก
คราวนี้เราหันมาดูตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกา as of August 26,
Dow Jones year to date ติดลบเพียง 1.14%
S&P 500 year to date บวก 6.76%
NASDAQ Compositeyear to date พุ่งเป็นจรวด บวก 28.42%
ตลาดหลักทรัพย์กับสภาวะสังคมและเศรษฐกิจมันขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง
อาจมีผู้ให้ความเห็นว่าการที่รัฐบาลอเมริกาพิมพ์ธนบัตรที่เป็นธนบัตรกงเต็กเป็นล้านล้าน dollar ทำให้เงินไหลไปหาผลตอบแทนในตลาดหุ้น
ครับผมเข้าใจ
แต่มันคงไม่สามารถทำให้ตลาดหุ้นของอเมริกาสูงขึ้นถึงขนาดนี้
คราวนี้หันมาดูตลาดหุ้น Asia ประการแรกผมต้องบอกว่าประเทศอึ่นใน Asia ยังไม่หลุดจากบ่วงกรรม covid 19 หลายประเทศระบาดเป็นรอบสอง หลายประเทศสถานการณ์แย่กว่าเดิม บางประเทศมีการประท้วงอย่างเช่น Hong Kong ที่ประท้วงกฏหมายความมั่นคงใหม่ที่จีนนำออกมาใช้
มาดูตลาดหุ้นของเพื่อนบ้าน
Nikkei 225 year to date ติดลบ .03%
Shanghai Composite year to date บวก 9.17%
Hang Seng year to date ติดลบ 9.57% ทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่บริหารของรัฐถูก boycott จากอเมริกาและ covid ระบาดรอบสอง และมีการประท้วงจากการขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนัก
ผู้อ่านคงถามว่าตลาดหุ้นบ้านเรามีสถานะอย่างไร
Year to date ติดลบ 16.29% ทั้ง ๆ ที่เราควบคุม covid 19 ได้ดีเยี่ยม ดีขนาดติดอันดับโลก
ครับมีการประท้วงเกิดขึ้นและมีแนวโน้มว่าจะมากขึ้น แต่ประเทศอื่นก็มีเหมือนบ้านเรา
ผมมีความเห็นว่าตลาดหุ้นเราเมื่อเทียบกับ big picture ของตลาดหุ้นในประเทศอื่น ตลาดเราลดต่ำเกินควร
ผมมีความเห็นว่ามี hidden issue ที่กดดันตลาดหุ้นบ้านเรา เกิดโดยธรรมชาติ หรือจาก manipulation อันนี้ผมไม่ทราบ
เอาที่เปรียบเทียบอย่างชัดเจนคือ Hong Kong หนึ่งความขัดแย้งทางการเมืองจีนไม่มีทางยอมผู้ประท้วงอย่างเด็ดขาด สองพวก rich & super rich มีแนวคิดที่จะย้ายถิ่นฐานออกจาก Hong Kong ประเด็นคือเรื่องของ Hong Kong ร้ายแรงกว่าบ้านเรามากอย่างเทียบกันไม่ได้
เขียนมาชะยาว key point ที่จะให้ความเห็นคือ hidden issue ไม่ได้อยู่ตลอดไป ถ้าเข้าใจหลักคิดนี้
This is window to invest.
ถ้าคุณคิดปกติ คุณจะนั่งเฉย ๆ รอให้สถานการณ์ดีขื้น แล้วค่อย make a move
แต่ถ้าคุณคิดผิดปกติ คุณจะ pick the right horse แล้วทำอย่าง Warren Buffet ถือหุ้นตัวนั้นในระยะยาว
แล้วสุดท้ายมันจะเกิด rainbow day กับหุ้นที่คุณลงทุน
บทความจากเพจ แกะดำทำธุรกิจ