เมื่อวานที่ผ่านมาสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานยอดนำเข้าน้ำมันดิบทั้งเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ระดับ 53 ล้านตัน หรือคิดเป็น 12.9 ล้าน บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 11.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนก่อนหน้า ด้านปริมาณการนำเข้าโดยภาพรวมเพิ่มขึ้นที่ระดับ 2.7% (YoY) มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงที่ระดับ 10% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและปริมาณความต้องการในประเทศของจีน
โดยเฉพาะการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์และ โครงสร้างพื้นฐาน โดยในเดือนมิ.ย. จีนมีการนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเหล็กอยู่ที่ระดับ 101.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 11 ปี ด้านปริมาณการนำส่งออกโดยภาพรวม เพิ่มขึ้นที่ระดับ 0.5% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงที่ระดับ 1.5%
ในวันนี้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะแถลงผลการประชุมเกี่ยวกับนโยบายการเงิน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BOJ จะยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายแบบพิเศษอย่าง ต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และจะ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนของ พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่ระดับ 0%
และแนะนำติดตามการประชุมของกลุ่มโอเปก ในการติดตามความคืบหน้าการลดกำลังการผลิตน้ำมันของสมาชิกและหารือเกี่ยวกับข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันที่ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ที่จะหมดอายุ ในสิ้นเดือนก.ค. ซึ่งจะทำให้กลุ่มโอเปกพลัสจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบเหลือเพียง 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเปรียบเสมือนการเพิ่มปริมาณน้ำมันดิบออกสู่ตลาดมากขึ้น
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th
กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้