สัปดาห์ที่ผ่านมีการรายงานดัชนีเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด เช่น 1) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ รายสัปดาห์ที่แล้วลดลง 99,000 ราย มาอยู่ที่ 1.314 ล้านราย ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 1.39 ล้านราย และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ต่อเนื่องลดลงมาอยู่ที่ 18.1 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของ COVID-192) ดัชนี PMI Non-manufacturing จากสถาบัน ISM เดือน มิ.ย. อยู่ที่ระดับ 57.1
ขณะที่ ตลาดคาด 50.2และเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้ากว่า 11.70จุด โดยเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่จัดทำ ดัชนี สะท้อนให้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังภาครัฐฯ ได้มีการผ่อนคลายมาตรการ Lockdownแม้จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่จะยังคงอยู่ในระดับสูงหรือมากกว่า50,000 ราย ต่อวัน และ 3) ตำแหน่งงานเปิดใหม่ปรับตัวขึ้น 401,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ค. มาอยู่ที่5.4 ล้าน ตำแหน่ง และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 4.85 ล้านตำแหน่ง
ผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีในตลาดหุ้นสหรัฐฯ 1Q63 มากกว่า 70% ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดทั้งในแง่ของยอดขายและกำไร (Fig.1) สะท้อนให้เห็นว่าผลกระทบจาก Covid-19 มี ค่อนข้างจำกัด โดยยอดขายและ EPS เติบโตราวได้ 6.0% YoY และ 3.0% YoY อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการ 2Q63 ที่จะเริ่มรายงานตั้งแต่สัปดาห์นี้ จะเห็นผลกระทบจากโรค COVID-19 ที่ชัดเจนขึ้น แต่เรายังเชื่อว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ยังคงมีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีกว่าภาพรวมบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P500
ดังนั้น เราแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ โดยเน้นไปยังกลุ่มของเทคโนโลยีหรือ ดัชนี NASDAQ “เมื่อราคาอ่อนตัว” ที่แนวรับแรกบริเวณ 10,207 จุด (ย่อตัวราว 4% จากระดับ ปัจจุบัน) แนวรับถัดไปบริเวณ 9,838 จุด (ย่อตัว 7.3% จากระดับปัจจุบัน) โดยเน้นเลือกกลุ่ม ที่มีอัตราการเติบโตที่ดี และได้รับผลกระทบจาก Covid-19 จำกัดอย่างกลุ่ม Technologyและกลุ่ม Disruptive รวมถึงได้ปัจจัยหนุนจาก 1) การปรับพฤติกรรมของผู้บริโภค (New Normal) เช่น Work from home ทำให้มีความต้องการอุปกรณ์ทางด้าน IT มากขึ้น 2) การปรับจาก Offline มาเป็น Online เช่น Cloud Computing เนื่องจาก Covid-19ได้บังคับให้บริษัทจำเป็นต้องปรับโครงสร้างมาด้านออนไลน์มากขึ้นทั้งในแง่ของการทำงาน และการเข้าถึงลูกค้า 3) การซื้อของออนไลน์ เช่น E-Commerce ซึ่งได้รับประโยชน์จากการ lockdown ทำให้คนจำเป็นต้องหันมาซื้อของออนไลน์มาก ขึ้น 4) การพัฒนาวัคซีน หรือยารักษา Covid-19ที่คาดว่าจะจำหน่ายได้ในช่วงต้นปีหน้า
กองทุนหุ้น Global ที่เราแนะนำสัปดาห์นี้คือ ONE-UGG-RA ลงทุนในกองทุนหลัก Baillie Gifford Long Term Global Growth ที่เน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลกไม่จำกัดในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง โดยกองทุน มีสัดส่วนการลงทุนในสหรัฐฯ ราว 50% รองลงมาคือจีน ที่ราว 25% ที่เหลือกระจายตัวในยุโรปและ เอเชีย ด้านกลุ่มอุตสาหกรรม กองทุนลงทุนในกลุ่มอุปโภคบริโภคราว 40% รองลงมาเป็นเทคโนโลยี และ Healthcare กองทุนมีผลการดำเนินงานโดดเด่น 3 ปีย้อนหลัง +23% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2563)
สำหรับกองทุนเทคโนโลยีที่เราแนะนำคือ T-ES-GTECH ลงทุนในกองทุนหลัก Polar Capital Global Technology Fund เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก โดยมีสัดส่วนในสหรัฐฯ ราว77% รองลงมาคือจีนและญี่ปุ่น กลุ่มที่กองทุนเน้นลงทุนได้แก่ Software, Semiconductor และ Media
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities
ห้ามพลาด
♦หุ้น Tesla (NASDAQ:TSLA) +14% ทะลุ 1,750เหรียญ ทั้งหมดเพราะ Elon Musk ไม่มีเงินจ่ายบัตรเครดิต!
♦5 เหตุผลที่แม้ว่าไทยจะควบคุมไวรัสได้ดี แต่...เศรษฐกิจเรายังอาจหดตัวหนักสุดในเอเชีย