ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดนเทขายเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันและเมื่อคืนนี้คือการเทขายที่หนักที่สุด ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 6.9% คิดเป็น 1,800 จุดซึ่งถือเป็นการลงที่แรงที่สุดในรอบ 3 เดือน ความต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของนักลงทุนเพิ่มสูงขึ้น สกุลเงินหลักๆ และราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 2 เดือน สกุลเงินดอลลาร์แม้ช่วงนี้ไม่มีข่าวดีแต่เพราะความกังวลของนักลงทุนจึงทำให้ได้รับเลือกในฐานะสินทรัพย์สำรองปลอดภัยอีกครั้ง ออสเตรเลียดอลลาร์ได้รับผลกระทบหนักที่สุดโดยมีสกุลเงินแคนาดาและนิวซีแลนด์ดอลลาร์ตามมาติดๆ สกุลเงินปอนด์ก็ไม่รอดเช่นกันแต่ที่น่าแปลกใจที่สุดคือกราฟยูโรเทียบดอลลาร์แม้จะปรับตัวลดลงแต่เป็นการลงที่ไม่ได้มีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับคู่สกุลเงินอื่นๆ สาเหตุของการร่วงของตลาดหุ้นเมื่อคืนนี้เกิดจากหลายสาเหตุเช่น นักลงทุนส่วนหนึ่งปิดคำสั่งซื้อขายเพื่อทำกำไรจากขึ้นออกไปก่อน คำแถลงการณ์จากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่บอกว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำไปจนถึงปี 2022 และสิ่งที่นักลงทุนกังวลและกลัวมากที่สุดมีโอกาสเกิดขึ้นจริงๆ แล้วนั่นคือการกลับมาแพร่ระบาดรอบที่ 2 ของเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อในรัฐ เท็กซัส อาริโซนาและแคลิฟอร์เนียเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อความไม่เชื่อมั่นเกิดขึ้นการหันหน้าไปพึ่งสินทรัพย์สำรองปลอดภัยจึงเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ แม้จะอ่อนมูลค่าลงเพราะการอัดฉีด QE ของเฟดแต่ดอลลาร์ก็ยังจำเป็นต้องรับบทสินทรัพย์สำรองไปก่อนเช่นเดียวกับสกุลเงินเยนและสวิตฟรังก์ การที่กราฟ USD/JPY และ USD/CHF ปรับตัวลดลงเกิดขึ้นไปควบคู่กับราคาในตลาดหุ้นและราคาพันธบัตรรัฐบาลที่ร่วงลง รายงานตัวเลขจำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการครั้งแรกและดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ส่งแรงหนุนให้ดอลลาร์ได้น้อยมาก ตัวเลข PPI เมื่อวานนี้ดีขึ้นแต่ยกเว้นในส่วนของต้นทุนทรัพยากรพลังงานและราคาอาหารในขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงเล็กน้อยจาก 1.89 ล้านคนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็น 1.5 ล้านคนในสัปดาห์นี้ ท้ายที่สุดดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่จะประกาศในวันนี้คาดว่าจะมีตัวเลขที่ดีขึ้นเพราะรัฐต่างๆ สามารถกลับมาเปิดเมืองได้เกือบหมดแล้ว
ในขณะที่คู่สกุลเงินอื่นๆ ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญมีเพียงยูโรเทียบดอลลาร์เท่านั้นที่แม้จะปรับตัวลดลงแต่ก็ยังไม่เสียทรงมากนัก สาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมยูโรถึงยังสามารถยืนอยู่ได้ไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจน อาจเป็นเพราะมาตรการเปิดเมืองที่มีการผ่อนคลายมากขึ้น การผ่อนปรนในการเดินทางไปมาระหว่างกันในประเทศกลุ่มยูโรโซนและไม่มียอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามเราคาดว่าตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนที่จะประกาศในวันนี้จะหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ดันนั้นกราฟ EUR/USD ในความคิดของเราจึงมีโอกาสพักตัวมากกว่าที่จะขึ้นไปต่อและยิ่งไม่มีเหตุผลให้ปรับตัวขึ้นได้เลยในขณะที่ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปกำลังสุ่มเสี่ยงจะได้รับผลกระทบเชิงลบจากตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐฯ
ความกลัวที่มีต่อการแพร่ระบาดรอบที่ 2 ไม่ใช่แค่ความกังวลที่สร้างขึ้นเองอยู่ในอากาศเท่านั้นอีกต่อไป มีรายงานจากหน่วยงานรัฐที่เชื่อถือได้ว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นใน 21 รัฐและมี 14 รัฐที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงการแพร่ระบาดรอบแรก รัฐฟลอริดามีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นภายในวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดเช่นเดียวกันกับรัฐเท็กซัสที่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่มากกว่า 2,500 คน ส่วนของรัฐอาริโซนาพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 49% เมื่อนับตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคมมาจนถึงวันที่ 9 มิถุนายนตั้งแต่วันทหารผ่านศึก หากลองนับเป็นวันดูแล้วจะพบว่าระยะเวลาความห่างของวันเท่ากับ 14 วันหรือระยะฝักตัวโดยเฉลี่ยของเชื้อโควิด-19 พอดี
ใครก็ตามที่คิดว่าประเทศสหรัฐอเมริกาสามารถเอาชนะโควิด-19 ได้เลยต้องบอกเลยว่าเขาคิดผิด แม้แต่ในรัฐที่สามารถกดกราฟจำนวนผู้ติดเชื้อให้ลดลงได้อย่างนิวยอร์กยังต้องจับตาดูสถานการณ์ของผู้ประท้วงว่าระหว่างความเสมอภาคกับโควิดพวกเขาจะเลือกอย่างไหน นี่คือเหตุผลว่าทำไมในการแถลงของประธานเฟดเมื่อช่วงเช้าของวันพุธเขาจึงไม่สามารถตอบได้อย่างเต็มปากว่าภาคแรงงานได้ผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดมาแล้วหรือไม่ ที่สำคัญสิ่งที่เจอโรม พาวเวลล์กลัวว่าจะกระทบต่อระยะเวลาการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กำลังเกิดขึ้นแล้ว
เมื่อความไม่เชื่อมั่นเกิดขึ้นการหันหน้าไปพึ่งสินทรัพย์สำรองปลอดภัยจึงเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ แม้จะอ่อนมูลค่าลงเพราะการอัดฉีด QE ของเฟดแต่ดอลลาร์ก็ยังจำเป็นต้องรับบทสินทรัพย์สำรองไปก่อนเช่นเดียวกับสกุลเงินเยนและสวิตฟรังก์ การที่กราฟ USD/JPY และ USD/CHF ปรับตัวลดลงเกิดขึ้นไปควบคู่กับราคาในตลาดหุ้นและราคาพันธบัตรรัฐบาลที่ร่วงลง รายงานตัวเลขจำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการครั้งแรกและดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ส่งแรงหนุนให้ดอลลาร์ได้น้อยมาก ตัวเลข PPI เมื่อวานนี้ดีขึ้นแต่ยกเว้นในส่วนของต้นทุนทรัพยากรพลังงานและราคาอาหารในขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงเล็กน้อยจาก 1.89 ล้านคนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็น 1.5 ล้านคนในสัปดาห์นี้ ท้ายที่สุดดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่จะประกาศในวันนี้คาดว่าจะมีตัวเลขที่ดีขึ้นเพราะรัฐต่างๆ สามารถกลับมาเปิดเมืองได้เกือบหมดแล้ว
ในขณะที่คู่สกุลเงินอื่นๆ ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญมีเพียงยูโรเทียบดอลลาร์เท่านั้นที่แม้จะปรับตัวลดลงแต่ก็ยังไม่เสียทรงมากนัก สาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมยูโรถึงยังสามารถยืนอยู่ได้ไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจน อาจเป็นเพราะมาตรการเปิดเมืองที่มีการผ่อนคลายมากขึ้น การผ่อนปรนในการเดินทางไปมาระหว่างกันในประเทศกลุ่มยูโรโซนและไม่มียอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามเราคาดว่าตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนที่จะประกาศในวันนี้จะหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ดันนั้นกราฟ EUR/USD ในความคิดของเราจึงมีโอกาสพักตัวมากกว่าที่จะขึ้นไปต่อและยิ่งไม่มีเหตุผลให้ปรับตัวขึ้นได้เลยในขณะที่ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปกำลังสุ่มเสี่ยงจะได้รับผลกระทบเชิงลบจากตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐฯ
สกุลเงินออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ดอลลาร์คือสองสกุลเงินที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดจากการที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและหันไปถือสกุลเงินดอลลาร์ แต่ในแง่ของยอดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อวานนี้มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อในประเทศออสเตรเลียเพียง 9 คนเท่านั้นในขณะที่ของประเทศนิวซีแลนด์มียอดผู้ติดเชื้อเพียง 7 คนซึ่งเป็นตัวเลขจากเดือนที่แล้วและในสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม ถึงกระนั้นทั้งสองสกุลเงินก็ยังอ่อนไหวและได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศที่เป็นแหล่งเศรษฐกิจใหญ่อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศจีนกับออสเตรเลียกำลังเพิ่มสูงขึ้น จีนกำลังลงโทษออสเตรเลียด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากออสเตรเลียบางประเภทในขณะที่ออสเตรเลียกำลังทำให้ความสัมพันธ์ในแง่ของการแลกเปลี่ยนการศึกษามูลค่า 38,000 ล้านออสเตรเลียดอลลาร์กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะออสเตรเลียกล่าวหาว่าจีนคือต้นตอของการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19
แคนาดาดอลลาร์อ่อนมูลค่าลงราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างรวดเร็วทำให้กราฟ USD/CAD สามารถทะลุระดับราคา 1.35 สร้างขาขึ้นที่มีนัยสำคัญได้เป็นครั้งแรกในรอบเดือบหนึ่งเดือน หลังจากที่ข่าวใหญ่ๆ ของสัปดาห์นี้ได้ผ่านไปหมดแล้วจึงทำให้สกุลเงินปอนด์กลายเป็นที่สนใจของตลาดในวันนี้เพราะมีรายงานตัวเลข GDP, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและดุลบัญชีการค้าซึ่งตัวเลขที่ออกมาปรากฏว่า GDP แบบเดือนต่อเดือนติดลบ 20.4% เทียบกับตัวเลขคาดการณ์ -18.6% ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมติดลบ 20.3% แต่ตัวเลขดุลบัญชีการค้าดีขึ้นจาก -11.9B ครั้งก่อนเป็น -7.5B อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้คือตัวเลขที่ออกมาหลังจากดัชนี PMI ภาคการผลิตลงไปสร้างจุดต่ำสุดใหม่และยังเป็นข้อมูลของเดือนเมษายนอยู่ หมายความว่าข้อมูลในเดือนพฤษภาคมอาจจะออกมาดีขึ้น
แคนาดาดอลลาร์อ่อนมูลค่าลงราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างรวดเร็วทำให้กราฟ USD/CAD สามารถทะลุระดับราคา 1.35 สร้างขาขึ้นที่มีนัยสำคัญได้เป็นครั้งแรกในรอบเดือบหนึ่งเดือน หลังจากที่ข่าวใหญ่ๆ ของสัปดาห์นี้ได้ผ่านไปหมดแล้วจึงทำให้สกุลเงินปอนด์กลายเป็นที่สนใจของตลาดในวันนี้เพราะมีรายงานตัวเลข GDP, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและดุลบัญชีการค้าซึ่งตัวเลขที่ออกมาปรากฏว่า GDP แบบเดือนต่อเดือนติดลบ 20.4% เทียบกับตัวเลขคาดการณ์ -18.6% ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมติดลบ 20.3% แต่ตัวเลขดุลบัญชีการค้าดีขึ้นจาก -11.9B ครั้งก่อนเป็น -7.5B อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้คือตัวเลขที่ออกมาหลังจากดัชนี PMI ภาคการผลิตลงไปสร้างจุดต่ำสุดใหม่และยังเป็นข้อมูลของเดือนเมษายนอยู่ หมายความว่าข้อมูลในเดือนพฤษภาคมอาจจะออกมาดีขึ้น
ห้ามพลาด
ปรับแต่งการแสดงอัตราแลกเปลี่ยนให้เหมาะกับเว็บไซต์ของคุณได้ที่ Investing.com