ต่างชาตกิลับมาซื้อหุ้นไทย 4 วันทำการติดต่อกันรวม 1.15 หมื่นลบ. ด้วยความที่ YTD ขาย หนักกว่า-1.9 แสนลบ. YTD จึงทำให้นักลงทุนในประเทศมีความหวังว่า Fund Flow จะเข้ามา รับไม้ต่อและหนุน SET INDEX ให้เร่งตัวขึ้น ในมุมมองของเราคาดว่าต่างชาตจิะซื้อหุ้นอีก 1- 1.5 หมื่นลบ.ในเดือน มิ.ย.63 ซึ่งจะหนุน SET INDEX ตามการวิเคราะห์เชิงปริมาณ 14-21 จุด
แต่เรามีข้อสังเกตบางประการ
(1) Current PER อยู่ที่19.8 เท่า ใกล้เคียงช่วง Flow ไหลเข้าในอดีต
(2) SET INDEX ฟื้นจาก Bottom มาแล้ว 46% เหลือติดลบเพียง -11% YTD และเหลือหุ้นดีราคาถูกให้ต่างชาตซื้ออีกไม่มาก
(3) เงินบาทปีนี้มีแนวโน้มอ่อนค่ามากกว่าแข็งค่า เพราะท่องเที่ยวไม่ได้ดีเหมือนปีก่อน จึงไม่จูงใจให้ต่างชาตถือหุ้นนาน
ทั้งนี้ เราคาดว่าการเคลื่อนไหวของ USD/THB จะมีน้ำหนักต่อ SET INDEX มากขึ้น จนกว่าต่างชาติจะกลับมาขาย ให้ระวังการอ่อนค่าเร็วของเงินบาท โดยหากอ่อนมากกว่า $31.70บาท เราคาดว่าจะ ส่งผลลบต่อ SET INDEX อย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนถ้าจะเก็งหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Fund Flow เราเลือกหุ้นที่ต่างชาติและ NVDR ขายหนักช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และยัง Laggard ได้แก่ ADVANC/ INTUCH/ DTAC/ CPALL/ CPN/ BTS/ MINT
ต่างชาติกลับเข้าซื้อหุ้นไทย 4 วันติดต่อกัน 1.15 หมื่นลบ.
หลัง MSCI ปรับน้ำหนักเมื่อ 29 พ.ค. 63 นักลงทุนต่างชาติกลับเข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง 4 วัน ทำการติดต่อกันรวม 1.15 หมื่นลบ. แต่ไม่ได้ซื้อเฉพาะหุ้นไทยอย่างเดียว เม็ดเงินไหลเข้าทั้ง ภูมภิาค ระหว่าง 1-2 มิ.ย. 63 ซื้อสุทธิในไทย $110ล้าน, เกาหลีใต้ $209ล้าน, ไต้หวัน $1,104 ล้าน, อินโดนีเซีย $166ล้าน, ฟิลิปปินส์ $21ล้าน สาเหตุเป็นเพราะสภาพคล่องส่วนเกิน และคาดหวังเศรษฐกิจฟื้นตัว เพราะฉะนั้น Fund Flow ที่ไหลเข้าช่วงนี้จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกต
7 ข้อสังเกตเทียบกับการไหลเข้าของ Flow รอบนี้กับอดีต
(1) ยอด YTD ต่างชาติยังขายสุทธิอยู่ที่-1.9 แสนลบ. และขายผ่าน NVDR -3.5 หมื่นลบ.
(2) ต่างชาติซื้อหุ้นไทยจริงจังครั้งล่าสุด มิ.ย.-ก.ค. 62 ที่ 46,686 ลบ. และ 20,054 ลบ. ตามลำดับ หลัง MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักจาก 2.3% เป็ น 2.8% เมื่อ 28 พ.ค. 62
(3) SET INDEX มิ.ย. 62 +6.8% MoM ก่อนจะอ่อนตัวลง -1.1% MoM ใน ก.ค. 62 ขณะที่่รอบนี้ เฉพาะ มิ.ย. 63 ขึ้นมาแล้ว 4.9%
(4) Current PER ของ SET INDEX มิ.ย.-ก.ค. 62 เท่ากับ 18.6 เท่า และ 18.5 เท่า ตามลำดับ ปัจจุบันอยู่ที่ 19.8 เท่า
(5) ช่วงที่ Fund Flow ไหลเข้าแล้วหนุนให้ SET INDEX ขึ้นไปเทรดบน Current PER ที่ 23- 23.5 เท่า คือ มิ.ย. – ก.ย. 59 ต่างชาติซื้อ 4 เดือนติดต่อกันรวม 1.14 แสนลบ. แต่เราคาดว่ารอบนี้จะไม่ไปถึงขนาดนั้น เพราะ GDP2559 +4.3% YoY และกำไรบริษัทจดทะเบียน +36% YoY ซึ่งปีนี้ติดลบทั้งคู่ต่อให้เป็นปีหน้าก็ยังฟื้นตัวไม่เท่าปี 2559
(6) เงินบาท มิ.ย – ก.ค. 62 แข็งค่า 2.6% ส่วนเดือน มิ.ย. – ก.ย. 59 แข็งค่า 3.3% ล่าสุด มิ.ย. 63 แข็งค่า 1% USD/THB
(7) ช่วงซับไพร์ม ต่างชาติซื้อ 8 เดือนติดต่อกันหลังมี QE ระหว่าง มี.ค.-ต.ค. 52 รวม 6.36 หมื่นลบ. แต่เทียบช่วงซับไพร์มอาจไม่เหมาะสม เพราะ Valuation และโครงสร้างตลาด ต่างกันมาก
คาดต่างชาติจะค่อยๆซื้อ และยอดสะสมเดือนนี้จะอยู่ที่ราว 1-1.5 หมื่นลบ.
การคาดเงินทุนไหลเข้าออกระยะหลังทำได้ยาก เพราะต่างชาติไปลงทุนผ่าน NVDR แทน ซึ่งเราพบว่าถ้านับรวมยอด NVDR ด้วย จะมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับ SET INDEX มากกว่าการพิจารณายอดซื้อขายหุ้นของต่างชาติอย่างเดียว โดยถ้าอิงจากแรงซื้อของต่างชาติแต่ละรอบ เราคาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าอีก 1-1.5 หมื่นลบ.ในเดือน มิ.ย. 63 และจากการวิเคราะห์เชิง ปริมาณ เราพบว่า เม็ดเงินทุก 1 หมื่นลบ. จะหนุนให้ SET INDEX ขึ้นได้ 14 จุด
ค่าเงินบาทมีความสำคัญมากขึ้น เหลือหุ้น Laggard ให้ต่างชาติซื้ออีกไม่มาก
เราประเมินว่าแรงซื้อของต่างชาติอาจไม่ได้หนุน SET INDEX รอบนี้ได้มากนัก เพราะ Current PER ขึ้นไปเทียบเท่าช่วง Flow ไหลเข้าในแต่ละรอบแล้ว ขณะที่ ตัวแปรบ่งชี้ทิศทาง เงินทุนต่างชาติที่สำคัญ คือค่าเงินบาท ซึ่งจะไม่ได้เป็น Safe Haven เหมือนปีก่อนที่ได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยว เราให้จับตาการเคลื่อนไหวของ USD/THB หากเงินบาทพลิกมาอ่อน ค่าเร็วเกิน $31.70บาท ให้ระวังแรงขายของต่างชาติและการพักตัวของ SET INDEX ในระดับ ที่มีนัยสำคัญตามมา
ซึ่งได้แก่ (BK:BBL)/ (BK:KBANK)/ KTB/ (BK:PTT)/ PTTGC/ ADVANC/ INTUCH/ DTAC/ (BK:AOT)/ BTS/ BEM/ LH/ CPALL/ CPN/ MINT/ RATCH/ BDMS โดยมีหุ้น Laggard
ที่พอมี Upside ให้เก็งกำไรได้ คือ (BK:ADVANC) INTUCH/ DTAC/ (BK:CPALL)/ CPN/ (BK:BTS)/ (BK:MINT)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities
บทความห้ามพลาด
SET ขึ้นเยอะแล้ว ซื้อหุ้นตอนนี้ทันมั้ย
ทำไมตลาดหุ้น SET ถึงดีดทะลุ 1,400 ได้? ทำไมต่างชาติไม่กลัวประท้วงสหรัฐหรือโควิด?