SET กลับมาที่ระดับ 1300 ปลายๆ แล้ว แต่หลายคนอาจยังไม่ได้ซื้อหุ้นกันเยอะ หรือบางคนก็กลัวไม่กล้าถือยาว
เพราะคิดว่า สถานการณ์เลวร้าย คนติดเชื้อ COVID กันทั่วโลก คนว่างงานกันเต็มไปหมด GDP ก็ติดลบ
ทุกอย่างมันดูแย่ไปหมด
เราอาจจะมองถูก แต่เราก็อาจจะไม่ได้กำไรจากการลงทุน สาเหตุก็เพราะว่า
ในระยะสั้น ราคาขึ้นตาม “ความคาดหวัง”
ส่วนในระยะยาวนั้น ราคาขึ้นตาม “ผลประกอบการ”
ตอนนี้ นักลงทุนเลือกที่จะมองด้วยความหวังว่า COVID คือ เหตุการณ์ชั่วคราว วันหนึ่งต้องหายไป วันหนึ่งเราต้องมีวัคซีนมารักษา บวกกับการที่รัฐบาลอัดฉีดเงินเข้ามาจำนวนมากทั้งโลก กองทุนก็ซื้อหุ้นแบบไม่มีหมดแรง ทำให้นักลงทุนมองข้ามตัวเลขงบที่ไม่ดีในปีนี้ และซื้อหุ้นกันมากมาย
ในทางตรงกันข้าม เมื่อเวลาผ่านไป ถ้าสถานการณ์ต่างๆ ยังไม่ได้ดีขึ้นมากนัก เช่น ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังเพิ่มอยู่ เปิดกิจการร้านค้าแล้วแต่คนลดลง รายได้หดหาย หนี้สินพอกพูน การว่างงานเริ่มมากขึ้น GDP ก็ติดลบมากขึ้น คือ ความจริงที่เราเคยคิดไว้เริ่มปรากฎออกมาให้เห็น เวลานั้นตลาดหุ้นก็อาจจะเริ่มเทลงมาก็เป็นได้ ซึ่งต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างไร
แต่ในความเป็นจริงคือ หุ้นแรลลี่ขึ้นมาแล้ว เราจะทำอย่างไรดี
อันนี้เป็นสิ่งที่เราควรถามตัวเองมากกว่า ผมให้ไอเดียแบบนี้ครับ
1. ถ้าเราเน้นการลงทุนระยะยาว
ก็ใช้หลักการเดิมที่ทำมาตลอด คือ หาหุ้นดี ราคาเหมาะสม ประเมินมูลค่าหุ้นที่เราสนใจ ถ้าระดับราคานี้ หุ้นยังถูกกว่าที่ควรจะเป็น แล้วอนาคตเรามองว่ายังดีเติบโตได้ เราก็ควรต้องซื้อ
2.ถ้าเราเป็นสายเก็งกำไร
เราก็มาทำความเข้าใจว่า เหมือนตลาดจะสลับกลุ่มกันเล่นด้วยความคาดหวัง ตัวไหนเริ่มคลายล็อกดาวน์ เปิดกิจการได้ แม้ว่าอาจจะยังไม่กำไรมากนัก แต่ราคาหุ้นมันวิ่งไปก่อน เราก็อาจจะลองประเมินมูลค่าบนความหวังนั้น แล้วเก็งกำไรตามตลาดไป ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร โรงแรม โรงหนัง ร้านนวด เป็นต้น
3. ถ้าเราเป็นสายปันผล
ก็คัดเลือกหุ้นปันผลสูงเข้าพอร์ต แต่ต้องไม่ลืมว่า การปันผลที่ยั่งยืนมาจากกำไรต่อหุ้นที่เติบโต เพราะฉะนั้น เราจะมองแค่ปันผลในอดีตอาจไม่พอ เราต้องมองไปข้างหน้าด้วยว่า หุ้นของบริษัทที่เราสนใจจะเติบโตไปได้แค่ไหน มีภาระหนี้ หรือการลงทุนอะไรหรือเปล่า แล้วจะสามารถจ่ายปันผลในระดับสูงได้ต่อเนื่องแค่ไหนประกอบด้วยเช่นกัน
4.ถ้าเราเป็นสาย DCA
อันนี้ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก ขอแค่มีวินัย ซื้อทุกเดือน อย่าได้หวั่นไหว แต่ขออย่างเดียว เราต้องประเมินให้ถูกด้วยว่า หุ้นที่เราซื้อ แนวโน้มจะยังดีอยู่ในระยะยาว อย่างน้อยก็ตราบเท่าที่เรา DCA อยู่ แต่ถ้าเราพบว่า หุ้นที่เราถัวอยู่นั้นจะหมดอนาคต เราสามารถเปลี่ยนตัวได้ทันที ไม่มีใครห้าม เพราะหลักการของ DCA แบบเต็มๆ คือ มีวินัยอยู่กับหุ้นที่ดี แต่ต้องไม่อดทนอยู่กับหุ้นที่จะไม่ดี
อย่าไปยึดติดว่า หุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว เดี๋ยวรอลงก่อนค่อยซื้อ
สถานการณ์ยังดูไม่ดี เศรษฐกิจยังแย่ ไม่กล้าซื้อหุ้น
เราลองถามตัวเองก่อนดีกว่าว่า เราเป็นนักลงทุนประเภทไหน วางหลักการลงทุนให้ถูกต้อง แล้วมองผ่านเลนส์ทั้งแบบสั้นและยาว แล้วตอบตัวเองให้ได้ว่า เราควรลงทุนแบบไหนดี ในแต่ละสถานการณ์
ตอบคำถามของเรื่องนี้ที่ว่า SET ขึ้นเยอะแล้ว ซื้อหุ้นตอนนี้ทันมั้ย
คำตอบก็คือ ซื้อเมื่อไหร่ก็ทัน ถ้าเราเข้าใจว่า เราเป็นนักลงทุนประเภทไหน
ขอให้ทุกคนหาตัวเองให้เจอ และประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ
.
#วิตามินหุ้นสายกินและท่องเที่ยวกับครอบครัว
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins-วิตามินหุ้น
....
ดูกราฟความเคลื่อนไหวและพูดคุยเกี่ยวกับดัชนี SET INDEX
https://th.investing.com/indices/thailand-set
ไม่อยากพลาดบทวิเคราะห์ดีๆ อย่าลืมกด "ติดตาม" นะครับ