ที่มา: Bloomberg
ในสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นในสหรัฐยังปัจจัยหนุนจาก
(1) ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P500 ประกาศออกมาแล้วกว่า 490 บริษัท คิดเป็น 98% จากทั้งหมด โดยมีผลประกอบการเป็นบวก 224 บริษัท เป็นลบ 217 บริษัท แม้ผลประกอบการโดยรวมจะออกมาหดตัวลง 7.7% YoY แต่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ว่าจะหดตัวลง 8.42% โดยมีผลประกอบการดีกว่าคาด 312 บริษัท และต่่ากว่าคาด 161 บริษัท
โดยรายกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผลประกอบการเป็นบวกได้ อาทิ Healthcare มีผล ประกอบการเติบโต 7.4% YoY ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะหดตัว 2.1% และกลุ่ม Technology มีผลประกอบการเติบโต 4.7% ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเติบโต 3.3% ท่าให้โดยภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐยังตอบรับในเชิงบวก เนื่องจากอุตสาหกรรมทั้งสอง กลุ่มข้างต้นมี Market Cap รวมกันคิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของดัชนีS&P500 และเป็น กลุ่มที่น่าตลาดในช่วงที่ผ่านมา
(2) Bloomberg Consensus มีการปรับประมาณการผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนใน ดัชนี S&P500สูงขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19
(3) สภาพคล่องส่วนเกินในตลาด โดยพิจารณาจาก Personal Saving ของสหรัฐเดือนเม.ย. ที่เพิ่มขึ้นมากว่า US$ 4 ล้านล้าน โดยการให้เงินแก่ชาวอเมริกันผ่านนโยบายการคลังเพื่อลด ผลกระทบของโควิด-19 ประกอบกับการเพิ่มสินทรัพย์ของ FED อย่างต่อเนื่องผ่านการท่า QE ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐต่อในระยะนี้
วันนี้แนะน่าติดตามการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของออสเตรเลีย โดยตลาด คาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25%, ดัชนีราคาบ้านในอังกฤษเดือนเม.ย. จากสถาบัน Nationwide (MoM) โดยตลาดคาดการณืว่าจะหดตัว 1.0% ต่่ากว่าครั้ง ก่อนที่มีการขยายตัว 0.7%,จ่านวนการอนุมัติสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของอังกฤษเดือนเม.ย. โดยตลาดคาดการ์ว่าจะลดลงอยู่ที่ระดับ 23.78K ต่่ากว่าครั้งก่อนที่ระดับ 56.16K, และ ในเช้าวันพรุ่งนี้แนะน่าติดตามยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในสหรัฐเดือนพ.ค.
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th