เมื่อวานนี้ Dow Jones Industrial Average ปิดที่ 25,548.27 จุด พุ่งขึ้น 553.16 จุด หรือ +2.21% ขณะที่ดัชนี S&P 500ปิดที่ 3,036.13 จุด เพิ่มขึ้น 44.36 จุด หรือ +1.48% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,412.36 จุด เพิ่มขึ้น 72.14 จุด หรือ +0.77%
ดัชนี S&P 500 ขึ้นมาปิดเหนือแนวต้านจิตวิทยา 3,000 จุด ซึ่งตรงกับ Moving Average 200 วัน ถือเป็นสัญญาณบวกต่อเนื่องหลังจากสัปดาห์ก่อนที่ทะลุผ่าน EMA 200 วัน และ Fibonacci Retracement 61.80% ขึ้นมาแล้ว
ด้าน Dow Jones เป็นการปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดติดต่อกันเป็นวันที่ 2 และขึ้นมายืนที่เหนือระดับ 25,000 จุดได้อีกครั้งนับตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.
ประเด็นที่นักลงทุนให้น้ำหนักเชิงบวก น่าจะมาจากการที่ทั้ง 50 รัฐในสหรัฐฯได้กลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกรอบ โดยล่าสุด ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสประกาศว่า บริเวณพื้นที่ทานอาหารในร้านภายในศูนย์การค้าจะกลับมาเปิดให้บริการได้ทันที ขณะที่สวนน้ำจะกลับมาเปิดอีกครั้งในวันศุกร์นี้โดยจะรับผู้เข้าใช้บริการ 25% ของความจุปกติ ส่วนกิจกรรมกีฬาเพื่อการสันทนาการสำหรับผู้ใหญ่จะกลับมาเปิดได้ตามปกติในวันอาทิตย์นี้
ซึ่งสวนทางกับที่ WHO พยายามเตือนว่า อย่าเร่งเปิดเมืองเร็วเกินไป มิเช่นนั้นการแพร่ระบาดรอบ 2 จะเกิดขึ้นได้
แต่การปรับตัวขึ้นมารอบนี้ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างจาก 1 เดือนที่ผ่านมา เพราะกลายเป็นว่า 2 วันทำการที่ผ่านมา Sector ที่ Outperform กลับเป็น Financial และ Energy ไม่ใช่ Technology เหมือนก่อน
รวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบินและเรือสำราญก็มีแรงซื้อเข้ามาเช่นเดียวกัน ตรงนี้ ก็สะท้อนว่า นักลงทุนให้น้ำหนักกับการเปิดเมืองมากทีเดียว
ถึงตรงนี้ น่าจะต้องมาลุ้นกันว่า จะมีคลื่นระลอก 2 ของการระบาดโดยมีสหรัฐฯและยุโรปเป็นศูนย์กลางหรือไม่นะครับ ถ้าไม่มี ที่ตลาดเลือกทางขึ้นอยู่ตอนนี้ทั้งโลกก็คงลงยากหน่อย
ซึ่งดูจากตัวเลขและจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งโลกที่รายงานออกมาทุกวัน ถึงแม้จำนวนจะเพิ่มขึ้นน้อยลง แต่ก็ยังใกล้ๆแสนราย ขณะที่สหรัฐฯ เหลือจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละไม่ถึง 20,000 ราย
ตามความเห็นส่วนตัวของผม จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มระดับ 20,000 รายเนี่ย ไม่ถือว่าปลอดภัยเลยนะครับ แต่สหรัฐฯก็ไม่มีทางเลือกมากนักเพราะถ้ายัง Lockdown ต่อไป จะกระทบกับเศรษฐกิจหนักขึ้นกว่านี้แน่ๆ และต้องอัดฉีดอีกมหาศาล ซึ่งจะยิ่งเป็นภาระที่ยากจะถอนตัวในอนาคต
ไปดูข่าวอื่นๆที่น่าสนใจบ้าง
1. เช้านี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 0.50% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ตาม กนง. ของไทยมาด้วย ก็แปลว่า เราใกล้เข้าสู่ยุค ดอกเบี้ย 0% ทั้งโลกมากขึ้นทุกที
2. นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้รายงานต่อสภาคองเกรสสหรัฐว่า ฮ่องกงไม่ได้มีความเป็นอิสระในการปกครองตนเองจากจีนอีกต่อไป ทำให้สหรัฐฯอาจพิจารณาลดระดับความสัมพันธ์การค้ากับฮ่องกง ซึ่งก่อนหน้านี้ฮ่องกงได้รับการเอื้อประโยชน์ทางการค้ากับสหรัฐฯมาตลอด
3. คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยรายละเอียดของกองทุนฟื้นฟู วงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร (8.265 แสนล้านดอลลาร์) เมื่อคืนนี้ เพื่อช่วยเยียวยาเศรษฐกิจของ EU จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โดยจะมอบเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าราว 2 ใน 3 และที่เหลือจะนำไปปล่อยกู้ ซึ่งเงินส่วนใหญ่จะให้ความช่วยเหลือแก่อิตาลีและสเปนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากโรคระบาด
Mr.Messenger รายงาน