รายงานสถิติเดือน เม.ย. ลดลง เราเชื่อเป็นจุดต่ำสุดของปี 2563
แต่เราคาดหมายจะเห็นการฟื้นตัว หลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
ยังคาดหมายกำไรสุทธิ 2Q63 ทรงตัว QoQ จากการรับรู้เงินปันผล และสถิติ ส่าคัญของธุรกิจหลักที่ฟื้นตัว
ลุ้นฟื้นตัว 2H63 หากสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลาย
ราคาหุ้นมีโอกาสตอบรับเชิงบวกต่อสถิติสำคัญกลับมาฟื้นตัวในเดือน พ.ค.
รายงานสถิติเดือน เม.ย. ลดลง เราเชื่อเป็นจุดต่ำสุดของปี 2563
บริษัทรายงานสถิติสำคัญเดือน เม.ย. ใน 2 ธุรกิจหลักได้แก่ (1) ธุรกิจรถไฟฟ้า และ (2) ธุรกิจทางพิเศษ ลดลงทั้ง MoM และ YoY จากผลของมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่เข้มงวด (Work from Home และ Social Distancing) โดยบริษัทมีจำนวน ผู้โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินเดือน เม.ย. อยู่ที่ 78,489 คนต่อวัน ลดลง 66%MoM และลดลง 74%YoY และมีปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนอยู่ที่ 589,858 คันต่อวัน ลดลง 38%MoM และ ลดลง 50%YoY
เรายังคาดหมายจะเห็นกำไรสุทธิ 2Q63 ทรงตัว QoQ
แม้สถิติสำคัญของทั้ง 2 ธุรกิจหลักในเดือน เม.ย. จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ถือว่าดีกว่าที่เราประเมินไว้ เรายังคาดหมายจะเห็นกำไรสุทธิ 2Q63 ทรงตัว QoQ จาก
(1) มาตรการ ผ่อนคลายล็อกดาวน์เมือง เราคาดหมายจะเห็นการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของสถิติสำคัญของทั้ง 2 ธุรกิจตั้งแต่เดือน พ.ค.
(2) การเปิดดำเนินงานของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเต็มโครงการ โดยบริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากส่วนต่อขยายระยะที่ 2 ตั้งแต่ 30 มี.ค. ทำให้เราคาดหมายจะเห็นจำนวนผู้โดยสารรวมกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่กลาง พ.ค. เป็นต้น ไป และ
(3) รายได้จากเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น ปัจจัยบวกดังกล่าวเพียงพอชดเชยค่าใช้จ่าย ดำเนินงาน และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นมากจาก 1Q63 ที่ผานมา และผลกระทบจาก สถิติสำคัญที่อ่อนแอในเดือน เม.ย.
กำไรสุทธิ 1Q63 คิดเป็น 21% ของประมาณการ
ก่อนหน้านี้บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q63คิดเป็น 21% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 โดยกำไรสุทธิ 1Q63 อยู่ที่ 508 ล้านบาท อยู่ในกรอบที่เราคาด โดยกำไรสุทธิ 1Q63 ลดลง 3%QoQ และลดลง 41%YoY มาจาก
(1) สถิติสำคัญของธุรกิจหลัก เริ่มได้รับผลกระทบ จาก Covid-19 โดยเฉพาะในเดือน มี.ค. ส่วนผลให้รายได้จากธุรกิจทางพิเศษ ลดลง 11% ทั้ง QoQ และ YoY ขณะที่รายได้จากธุรกิจรถไฟฟ้าลดลง 7%QoQ แต่ยังคงปรับเพิ่ม YoY จากการเริ่มดำเนินงานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย
(2) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น แม้บริษัทจะมี จากการเปิดโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน Phase 2 ทำให้ปัจจุบันบริษัทเปิดดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเต็มโครงการ และ (3) ไม่มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน CKP และ TTW เหมือนในช่วง 1Q62
ราคาหุ้นจะกลับมาตอบรับเชิงบวก หลังจุดต่ำสุดผ่านไปแล้ว
เราประเมินว่าจากประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 เรามองว่า Earning Momentum จะอยู่ ในช่วง 2H63 ประมาณ 60% โดยความเสี่ยงที่ต้องติดตามอยู่ที่สถานการณ์ Covid-19 หลัง รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เมือง อย่างไรก็ตามจากการติดตามสถานการณ์ ปัจจุบันสถิติผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มขึ้นในระดับที่ต่ำมาก เพิ่มโอกาสที่เราจะได้เห็น สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายตั้งแต่ มิ.ย. ขณะที่การเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเต็มโครงการ จะช่วยให้จำนวนผู้โดยสารกลับมาเร่งตัว ชดเชยจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงระหว่างเดือน มี.ค. – พ.ค. รวมทั้ง Sentiment เชิงบวกจากการที่ภาครัฐฯ เปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่ง BEM เป็นหนี่งในบริษัทที่มีศักยภาพในการชนะประมูลโครงการดังกล่าว โดยภาครัฐ ฯ ยังคงเปิดประมูล PPP ภายในเดือน พ.ค. (ปัจจุบัรอสำนักงานคณะกรรมการนโยบาย รัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ออกประกาศคณะกรรมการ PPP ในราชกิจจานุเบกษา) และให้ยื่นซองข้อเสนอภายในเดือน ส.ค. โดยจะทราบผู้ชนะประมูลภายเดือน พ.ย.-ธ.ค. 63
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities
ดูกราฟราคาหุ้น ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BK:BEM)
https://th.investing.com/equities/bangkok-expressway-and-metro
กระทู้พูดคุยเกี่ยวกับหุ้น BEM
https://th.investing.com/equities/bangkok-expressway-and-metro-commentary