ตลาดหุ้นสหรัฐยังลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันหลังความขัดแย้งระหว่างทรัมป์และหลายๆฝ่ายยังคงทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ #เป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องจับตามอง
เรียกได้ว่ายิ่งเวลาในการหาเสียงเลือกตั้งนั้นน้อยลงไปทุกทีก็ยิ่งบีบและกดดันทรัมป์เข้าไปเรื่อยๆในการพยายามหาทางออกให้ประเทศสหรัฐในระยะเวลาอันสั้น... จนทำให้ทรัมป์กำลังสร้างศัตรูมากขึ้นเรื่อยๆ และนักลงทุนเริ่มกลัว
เรื่องราวมีคร่าวๆอย่างนี้ครับ
1. ทรัมป์ได้ทวีตขอให้ FED ลดอัตราดอกเบี้ยติดลบให้เป็นของขวัญ
ผ่านไปเพียงวันเดียวทางประธาน FED ออกมาแถลงว่าคงไม่มีของขวัญนี้ในเร็ววันแน่ๆ และทางรัฐบาลทรัมป์ต้องเร่งมือในการควบคุมโรคระบาดอย่างเร่งด่วน เพราะเครื่องมือทางการเงินต่างๆที่ใช้จะเป็นเพียงแค่การซื้อเวลา ไม่ใช่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริง
2.ทรัมป์เร่งให้รัฐต่างๆกลับมาเปิดประเทศให้เร็วที่สุด
Dr. Anthony #Fauci ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) ผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องไวรัสระบาดของสหรัฐมากที่สุดแล้ว ต้องถึงกับให้ความเตือนสภาสหรัฐว่าหากเปิดประเทศเร็วไปอาจเกิดหายนะได้ และยังมีผู้เชี่ยวชาญอื่นๆอีก 3 ท่านที่ขึ้นให้ความเตือนกับสภาด้วย สร้างความพอใจให้กลับทรัมป์มากๆ จนถึงกับออกมากล่าวว่า "ไม่เห็นด้วยกับมุมมองของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้"
3. ทรัมป์ยังโกรธจีนไม่หาย และพอนักข่าวถามจี้...
เมื่อวันก่อนมีนักข่าวถามทรัมป์ในงานแถลงการณ์ว่า "ทำไมถึงชอบบอกว่าประเทศเรามีเครื่องตรวจวัดไวรัสมากที่สุดในโลก ? ทำไมถึงต้องมองว่าเรื่องนี้เป็นการแข่งขันทั้งๆที่กำลังมีคนล้มตายอยู่มากมาย ?"
ทรัมป์ตอบกลับไปว่า "ให้คุณไปถามจีนเพราะเขาเป็นคนปล่อยไวรัส อย่ามาถามผม" สร้างความไม่พอใจให้กับนักข่าวคนอื่นๆด้วยจนทุกคนพยายามถามจี้ทรัมป์... จนทรัมป์ต้องเดินออกไปจากการแถลงการณ์แบบดื้อๆ
4. แต่ทรัมป์ก็ยังโมโหจีนไม่หาย จนกล่าวว่า...
"ต่อให้เราทำข้อตกลงทางการค้ากับจีนได้อีก 100 ฉบับ ก็ไม่สามารถชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ รวมถึงการที่ต้องมีผู้เสียชีวิตอีกเป็นจำนวนมาก" ทรัมป์ยังพยายามโยงว่าจีนเป็นผู้ปล่อยไวรัสออกมาตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่ได้ออกมาแสดงหลักฐานที่บอกว่ามีอยู่ให้ใครเห็น
อย่างที่เราเขียนมาเรื่อยๆว่าความเสี่ยงที่สูงที่สุดของตลาดตอนนี้คือความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน แต่ดูเหมือนว่าความเสี่ยงนั้นจะไม่ได้มีแค่จีนอย่างเดียวแล้วแต่กลับเป็นความขัดแย้งกับคณะทำงานหลายๆฝ่ายในสหรัฐที่ เริ่มไม่เห็นด้วยกับนโยบายต่างๆของทรัมป์ ความเสี่ยงนี้จะยิ่งทำให้ทรัมป์บริหารยากขึ้นไหมในช่วงโค้งสุดท้าย
หากมองทางเทคนิคแล้วตลาดหุ้นสหรัฐก็ดูเหมือนจะเช้าช่วงพักฐาน
ทั้งดัชนี Dow Jones Industrial Averageและ S&P ที่ปรับตัวขึ้นมาได้ครึ่งทางจากจุดต่ำสุดของปีเมื่อเทียบกับระดับก่อนเกิดเหตุไวรัสระบาด ทำให้หลายๆฝ่ายค่อนข้างปละหลาดใจ เพราะไวรัสยังคงระบาดอยู่เรื่อยๆและคนตกงานก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและยังไม่ได้กลับมาทำงานกันเร็วๆนี้แน่ และเศรษฐกิจจะโตขึ้นได้อย่างไร ?
นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมองว่าหุ้นสหรัฐนั้นยังแพงไปอยู่ในขณะนี้ ทำให้น่าสนใจว่ารอบนี้ตลาดจะโดนเทขายลงไปทดสอบได้ถึงระดับไหน ? จะลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดของปีได้หรือไม่หากไม่ได้เกิดการระบาดรุนแรงจนถึงขึ้นต้องปิดเมืองอีกครั้ง ?
สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตามอง
1) ติดตามตัวเลขคนตกงานในสหรัฐคืนนี้ (Initial Jobless Claim) เวลา 19.30น. ว่าจะมีคนตกงานมากขึ้นเท่าไหร่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตลาดคาดว่าจะมีคนตกงานเพิ่มขึ้นอีก 2.5 ล้านคน ลงมาจากระดับ 3.17 ล้านคนในสัปดาห์ก่อน
2) ติดตามเรื่อง เงินช่วยเหลือฉุกเฉินของรัฐบาลทรัมป์ ! เพราะล่าสุดที่มีการคุยเรื่องอัดฉีดเงินอีก 3 ล้านล้านเหรียญแต่ทาง Steven Mnuchin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐกลับบอกว่ารัฐบาลคิดว่า "เราไม่ต้องการอัดฉีดเงินเพิ่มขึ้นแล้วเพราะเศรษฐกิจกำลังดีขึ้นเราไม่รีบร้อน !"
จับตาดูว่าการมองโลกในแง่ดีขนาดนี้จะส่งผลเป็นบวกหรือลบต่อตลาดกันแน่ครับ
บทวิเคราะห์นี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เพจ Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP
ดูดัชนีดาวโจนส์
https://th.investing.com/indices/us-30
กระทู้พูดคุยเกี่ยวกับดัชนีดาวโจนส์