สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ร่วงลงอย่างรวดเร็วก่อนทราบผลการประชุม FOMC และรายงานตัวเลข GDP วันนี้ นอกจากนั้นตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็ปรับตัวลดลงไปยังจุดต่ำสุดของดัชนีในรอบ 4 ปี หากถามว่าข่าวไหนจะทำให้ตลาดขยับตัวได้มากกว่ากันระหว่างรายงานตัวเลข GDP หรือผลการประชุม? คำตอบในครั้งนี้คงเป็นตัวเลข GDP ที่มีความสำคัญมากกว่าเพราะเชื่อว่าเฟดคงไม่คิดจะทำอะไรกับอัตราดอกเบี้ยอีกแล้ว แต่ตัวเลข GDP จะแสดงให้ตลาดได้เห็นว่าผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นหนักหนาสาหัสแค่ไหนและการหดตัวทางเศรษฐกิจจะมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์หรือไม่
สำหรับไตรมาสที่ 1 แล้วตอนนี้มาตรการปิดล็อคเมืองเหลือเวลาอีกเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น นักลงทุนจึงรีบเทขายสกุลเงินดอลลาร์ก่อนเพราะพวกเขาเชื่อว่าข้อมูลในไตรมาสที่ 2 จะต้องหนักกว่าของไตรมาสที่ 1 แน่ ไม่ว่าขนาดการหดตัวจะมากน้อยแค่ไหนเชื่อได้ว่าจะกลายเป็นสถิติใหม่ของประวัติศาสตร์การลงทุนนับตั้งแต่ปี 2011 และถ้าตัวเลข GDP ลดต่ำลงมาน้อยกว่า 1% แล้วจะกลายเป็นตัวเลข GDP ที่ปรับตัวลดลงมาหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามสกุลเงินดอลลาร์จะดีดกลับขึ้นมาได้หากว่าตัวเลขอัตราการเติบโตของ GDP ลดลงมาแต่ยังไม่น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ แต่เชื่อว่าการดีดตัวกลับขึ้นมาจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เพราะตลาดยังคงเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะอยู่ในแนวโน้มขาลง หลังจากที่ทราบผลตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ไปแล้วความสนใจของนักลงทุนในวันนี้จะหันไปที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)
หลังจากที่เฟดมีมาตรการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเป็นอย่างมากในเดือนมีนาคม นักวิเคราะห์จึงคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ดังเดิมเพราะเป้าหมายในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาของเฟดคือการรักษาเสถียรภาพให้ตลาดหุ้นไม่ให้สวิงไปถึงวันละ 1000 จุดและเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบการเงิน ผลคือมาตรการเหล่านั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก นักลงทุนกลับมาเชื่อมั่นในตลาดสหรัฐฯ อย่างรวดเร็วและทุกคนต่างเฝารอดูตัวเลขอัตราการเติบโตฯ ดังนั้นสิ่งที่นักลงทุนควรจับตาดูในการประกาศนโยบายทางการเงินครั้งนี้ควรจะเป็น 3 คำถามใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้
1. อัตราดอกเบี้ยของเฟดจะคงอยู่ในระดับต่ำไปอีกนานเท่าไหร่?
2. การหดตัวทางเศรษฐกิจเฟดประเมินไว้ว่าจะหดตัวมากแค่ไหน?
3. เฟดมีขั้นตอน มาตรการ นโยบายอื่นๆ รองรับไว้อีกหรือไม่?
นักลงทุนจะให้ความสนใจกับการคาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ของเฟดเป็นอย่างมากโดยเฉพาะกับคำตอบของ 3 คำถามที่พูดถึงไป คงไม่มีใครคาดว่าจะได้เห็นเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในเร็ววันนี้แน่ เฟดเข้าใจดีว่าในไตรมาสที่ 2 เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากแค่ไหนดังนั้นอัตราการเติบโตจึงไม่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญแน่ สิ่งที่ทุกคนอยากได้ยินคงจะเป็นมุมมองของนายเจอโรม พาวเวลล์ประธานเฟดมากกว่าว่า “เขาคิดว่าเศรษฐกิจจะสามารถดีดตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วหรืออนาคตยังเต็มไปด้วยความไม่ชัดเจน?” ถ้าความเห็นของเขาออกมาเป็นในทิศทางบวกจะทำให้สกุลเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้น แต่ถ้าคำพูดออกมาเป็นทำนองเช่นว่า “มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นได้ช้า” กราฟ USD/JPY อาจมุ่งหน้าลงสู่ระดับราคา 106
นอกจากนี้นักลงทุนยังควรจับตาดูว่าเฟดจะคาดการณ์ตัวเลข GDP ไว้ว่าอย่างไรเพราะตัวเลขนี้จะแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่เฟดเข้าไปซื้อสินทรัพย์หรือมาตรการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ตอนนี้ความเร็วในการเข้าซื้อตราสารหนี้ของธนาคารกลางฯ เริ่มช้าลงแล้วซึ่งหมายความว่าการกลับเข้าสู่สภาวะปกติใกล้จะเกิดขึ้นในไม่ช้า
สกุลเงินที่พึ่งพาการขึ้นลงอยู่กับสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์อย่างเช่นสกุลเงินออสเตรเลียดอลลาร์และนิวซีแลนด์ดอลลาร์ ทั้งสองประเทศกำลังจะกลับมาเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจหลังจากประสบชัยชนะในการควบคุมโควิด-19 แม้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับข่าวฝั่งสหรัฐฯ แต่ข้อมูลบัญชีการค้าของนิวซีแลนด์และอัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลียก็สำคัญ เชื่อว่าในไตรมาสแรกของออสเตรเลียอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นซึ่งจะสอดคล้องกับเสถียรภาพของตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ถ้าเราคาดการณ์ถูกสกุลเงินออสเตรเลียดอลลาร์จะสามารถวิ่งขึ้นได้อีก
รายงานตัวเลขบัญชีการค้าของนิวซีแลนด์ก็น่าจะออกมาดีขึ้นช่วยหนุนสกุลเงินนิวซีแลนด์ดอลลาร์ด้วย ส่วนกราฟ USD/CAD ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1.40 เพราะราคาน้ำมันดิบ ยังคงปรับตัวลดลงซึ่งกระทบต่อสกุลเงินดอลลาร์ สกุลเงินยูโรเทียบดอลลาร์ยังคงไม่สามารถขึ้นไปถึงระดับราคา 1.09 ได้และเรามองว่ากราฟจะปรับตัวลดลงด่อนที่ตลาดได้ทราบข้อมูลตัวเลข GDP ของยูโรโซนและผลการประชุมของธนาคารกลางแหง่สหภาพยุโรป ในวันนี้เยอรมันมีรายงานอัตราเงินเฟ้อและตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยูโรโซน สกุลเงิน ปอนด์เทียบดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยแม้ว่ารายงานการสำรวจการค้าปลีกค้าส่งจาก CBI จะออกมาลดลง