สัปดาห์ที่แล้วนักลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ทำกำไรได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าไหร่นักเนื่องจากส่วนใหญ่แล้วกราฟคู่สกุลเงินหลักหล่ยคู่วิ่งอยู่ในกรอบราคาแคบๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกราฟ USD/JPY ที่วิ่งได้ไม่เกิน 100 จุด ส่วนใหญ่วิ่งอยู่ที่ประมาณ 80 จุดและมีบางวันวิ่งเพียง 50 จุดด้วยซ้ำ แม้ว่าในช่วง 3 เดือนอย่างกุมภาพันธ์, มีนาคมและต้นเมษายนจะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการสวิงเป็นอย่างมากแต่สำหรับตลาดฟอเร็กซ์กลับไม่ได้มีอะไรให้โลดโผนอย่างตลาดอื่นๆ
แต่เชื่อได้เลยว่าความน่าเบื่อนั้นจะหมดไปในสัปดาห์นี้เมื่อนักลงทุนต้องได้เผชิญกับข่าวสำคัญหลายข่าวเช่นผลการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง 3 แห่ง รายงานตัวเลข GDP ในไตรมาสแรกของสหรัฐฯ กับยูโรโซน จีนเองก็มีรายงานดัชนี PMI ที่สำคัญที่สุดคือสัปดาห์นี้จะเป็นคิวรายงานผลประกอบการของบริษัทบิ๊กเนมด้านเทคโนโลยีและภาคส่วนอื่นๆ ที่เรารู้จักกันดีเช่น Apple (NASDAQ:AAPL), Amazon (NASDAQ:AMZN), Google (NASDAQ:GOOGL), Facebook (NASDAQ:FB), Microsoft (NASDAQ:MSFT), Exxon (NYSE:XOM), Shell (NYSE:RDSa), Pepsi (NASDAQ:PEP), Starbucks (NASDAQ:SBUX), General Electric (NYSE:GE) และ 3M (NYSE:MMM)
แต่เชื่อได้เลยว่าความน่าเบื่อนั้นจะหมดไปในสัปดาห์นี้เมื่อนักลงทุนต้องได้เผชิญกับข่าวสำคัญหลายข่าวเช่นผลการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง 3 แห่ง รายงานตัวเลข GDP ในไตรมาสแรกของสหรัฐฯ กับยูโรโซน จีนเองก็มีรายงานดัชนี PMI ที่สำคัญที่สุดคือสัปดาห์นี้จะเป็นคิวรายงานผลประกอบการของบริษัทบิ๊กเนมด้านเทคโนโลยีและภาคส่วนอื่นๆ ที่เรารู้จักกันดีเช่น Apple (NASDAQ:AAPL), Amazon (NASDAQ:AMZN), Google (NASDAQ:GOOGL), Facebook (NASDAQ:FB), Microsoft (NASDAQ:MSFT), Exxon (NYSE:XOM), Shell (NYSE:RDSa), Pepsi (NASDAQ:PEP), Starbucks (NASDAQ:SBUX), General Electric (NYSE:GE) และ 3M (NYSE:MMM)
อย่างไรก็ตามนักลงทุนอาจจะประเมินเอาไว้แล้วว่าตัวเลขจะต้องออกมาไม่ดีและจากสถานการณ์ในตอนนี้ที่สหรัฐฯ และยุโรปเริ่มควบคุมสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อได้แล้วทำให้นักลงทุนกลับมามีความเชื่อมั่นมากขึ้นแม้จะยังต้องปิดล็อคเมืองกันไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม (บางแห่งอาจยืดไปถึงมิถุนายน) ภาพรวมแล้วตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวลดลง นักลงทุนจะหันไปหาสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์สำรองซึ่งจะทำให้สกุลเงินเยนและสวิตฟรังก์ปรับตัวสูงขึ้น สกุลเงินดอลลาร์อาจจะหนึ่งในตัวเลือกที่ดีด้วยดังนั้นกราฟ USD/JPY จึงมีโอกาสปรับตัวลดลงไปยัง 107.00
นอกจากการรายงานผลประกอบการของบริษัทใหญ่ๆ ในสหรัฐฯ แล้วสิ่งที่นักลงทุนต้องจับตาดูคือท่าทีของธนาคารกลางซึ่งจะเริ่มต้นด้วยธนาคารกลางแห่งญี่ปุ่น (BoJ) จากข้อมูลที่ได้รับมาทาง BoJ อาจจะมีการประกาศอยู่ 2 เรื่องผลการประชุมและการเข้าซื้อพันธบัตรอย่างไม่จำกัด ข่าวแรกจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดเท่าไหร่แต่ข่าวที่สองอาจทำให้มูลค่าของสกุลเงินเยนลดลงอย่างรวดเร็ว อ้างอิงจากพฤติกรรมของกราฟดัชนี Nikkei จะหารือเกี่ยวกับการเข้าซื้อพันธบัตรอย่างไม่จำกัดรวมไปถึงการซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้นเพื่อเตรียมรับมือกับเศรษฐกิจที่จะหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
จนกว่าตลาดจะได้ทราบผลการประชุมอย่างเป็นทางการกราฟ USD/JPY จะปรับตัวลดลงแต่ถ้าได้ข่าวยืนยันเรื่องการเข้าซื้อพันธบัตรอย่างไม่จำกัดแล้วกราฟมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปยืนเหนือระดับราคา 108 ได้ เมื่อจบข่าวของฝั่งญี่ปุ่นแล้วความสนใจของนักลงทุนจะหันไปหาการรายงานตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 1 และผลการประชุมจาก FOMC ซึ่งเราจะคุยกันถึงรายละเอียดเรื่องนี้อีกครั้งในสัปดาห์นี้
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) แม้จะไม่แย่ลงแต่ก็ไม่ดีขึ้น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสกุลเงินยูโรไม่สามารถพาตัวเองขึ้นไปปิดอยู่ในแดนบวกได้ ซ้ำร้ายที่สัปดาห์นี้ต้องมาเจอรายงานตัวเลข GDP ของกลุ่มยูโรโซนอีก อัตราการเติบโตเฉพาะในกลุ่มยูโรโซนถือว่าอ่อนมากจนทำให้นักลงทุนเริ่มสงสัยว่าธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB) ไม่คิดจะทำอะไรเลยจริงๆ อย่างนั้นหรือ การประชุมในวันพฤหัสบดีนี้เป็นไปได้ไหมที่ ECB จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ? แม้นางคริสตีน ลาการ์ดประธาน ECB เชื่อว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะหดตัวลง 15% แต่ก็ดูเหมือนทาง ECB ไม่คิดจะทำอะไรไปมากกว่าการขยายประเภทของหลักทรัพย์ค้ำประกันที่ตัวเองยอมรับเท่านั้นซึ่งในอนาคตเป็นไปได้ว่า ECB จะต้องซื้อหนี้ของประเทศอิตาลีด้วย
ในขณะที่สกุลเงินที่ทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์สำรองจะได้รับความสนใจในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบดูเหมือนว่าจะเจอแนวรับของตัวเองแล้วส่วนแคนาดามีรายงานตัวเลข GDP ของเดือนกุมภาพันธ์ นักลงทุนในสกุลเงินออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ดอลลาร์จะต้องจับตาดูตัวเลขดัชนี PMI ของจีน แม้จะมีรายงานอัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลียแต่เชื่อว่าจะไม่กระทบมาก นอกจากนี้ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จะเริ่มกลับมาเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจแล้วซึ่งถือเป็นข่าวดีต่อสกุลเงินทั้งสอง