ขาขึ้นอันแข็งแกร่งของสกุลเงินตลอด 3 วันที่ผ่านมา (จันทร์-พุธ) สุดท้ายเมื่อมาถึงวันรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานก็ต้องอ่อนแรงลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ตัวเลขในสัปดาห์นี้จะออกมาลดลงจากสูงสุดที่ 6.6 ล้านคนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วเป็น 4.4 ล้านคนในสัปดาห์นี้ แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ยังถือว่าสูงอยู่ดีเมื่อเทียบกับหลักแสนปกติที่เคยเกิดขึ้นก่อนวิกฤตโควิด-19 สกุลเงินยูโรและสวิตฟรังก์ปรับตัวขึ้นได้เมื่อเทียบกับดอลลาร์เพราะสาเหตุนี้ แม้ตัวเลข 4.4 ล้านคนจะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์แต่ถ้ารวมตัวเลขของทุกสัปดาห์นับตั้งแต่ที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเกิน 1 ล้านคนขึ้นมาตอนนี้สหรัฐฯ มีตัวเลขรวมแล้วทั้งสิ้นอยู่ที่ 26.45 ล้านคน ทำลายทุกสถิติของวิกฤตเศรษฐกิจในรอบ 10 ปี
แน่นอนว่าทุกคนหวังให้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นแค่เรื่องชั่วคราวและหวังว่าเศรษฐกิจจะสามารถฟื้นกลับมาได้โดยเร็ว แต่การที่รัฐบาลยังคงต้องการให้เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) กันต่อไปก็บอกการบอกใบ้ว่าแม้เศรษฐกิจจะกลับมาแต่ก็อาจจะกลับมาได้อย่างไม่เต็มที่ และนั่นคือสาเหตุว่าทำไมตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของ Markit ในเดือนเมษายนถึงออกมาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่จะออกในวันนี้ก็จะหดตัวด้วยเช่นกัน
กราฟ ทะยานขึ้นราวกับจรวดในช่วงตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิดเมื่อคืนนี้หลังจากดัชนีได้รับข่าวเกี่ยวกับธนาคารกลางแห่งญี่ปุ่น (BoJ) จะมีการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับการเข้าซื้อพันธบัตรอย่างไม่มีจำกัดของ BoJ แม้ในตอนนี้จะยังไม่มีรายละเอียดว่า BoJ จะเข้าซื้อมากเท่าไหร่แต่หากว่าสัปดาห์หน้าธนาคารกลางฯ จะตัดสินใจเข้าซื้ออย่างเป็นข่าวจริงสกุลเงินเยนจะอ่อนมูลค่าลงอย่างแน่นอน นอกจากนี้ดัชนี PMI ของญี่ปุ่นยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อญี่ปุ่นตัดสินใจใช้มาตรการฉุกเฉินช้าเกินไปซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวของประเทศต้องล่าช้าออกไปด้วยเช่นกัน
แม้ว่ายูโรกับสวิตฟรังก์เมื่อเทียบกับดอลลาร์แล้วจะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้แต่กลายเป็นว่าทั้งสองสกุลเงินคือผู้ที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดในสัปดาห์นี้ ดัชนี PMI ของยูโรโซนปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์และอย่างมีนัยสำคัญ ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ 25 แต่ตัวเลขที่ออกมากลับเหลือเพียง 13.5 อย่างไรก็ตามตัวเลขในภาคการผลิตยังออกมาดีกว่าภาคบริการ โดยรวมแล้วข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของเยอรมันออกมาดีกว่าฝรั่งเศสเล็กน้อยส่วนของอิตาลีและสเปนเชื่อว่าอาจจะยังไม่ฟื้น
เมื่อภาพรวมเป็นเช่นนั้นกราฟ จึงปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับราคา 1.08 ตอนนี้นักลงทุนกำลังให้ความสนใจกับท่าทีของ ECB ในสัปดาห์หน้า แม้จะได้รับผลกระทบจากข่าวของยูโรโซนไปด้วยแต่สกุลเงินนี้กลับปรับตัวลดลงหนักกว่าสกุลเงินยูโรหลังจากที่ธนาคารกลางของประเทศเปิดเผยข้อมูลตัวเลขคาดการณ์ GDP ใหม่ออกมาติดลบ 6.7% และอัตราการเติบโตในปีนี้ติดลบที่ 1.5% ไม่ใช่แค่เฉพาะสวิตเซอร์แลนด์หรือยูโรโซนเท่านั้นที่คาดการณ์ว่าตัวเลข GDP จะออกมาติดลบ แม้แต่ BoJ หรือเฟดเองก็อาจจะมีสภาพที่ไม่ต่างกันซึ่งต้องรอดูผลการประชุมในสัปดาห์หน้า
ดูสกุลเงินที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดกันไปแล้วตอนนี้ก็มาดูสกุลเงินที่ทำผลงานได้ดีกันบ้างซึ่งเมื่อคืนนี้ตกเป็นของสกุลเงินที่พึ่งพาการค้าขายสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลักอย่าง และ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้รับข่าวดีเพราะทั้งสองประเทศสามารถควบคุมสถานการณ์ของโควิด-19 ได้ดีมากๆ และพร้อมที่จะกลับเปิดเศรษฐกิจใหม่แล้ว นิวซีแลนด์ประกาศลดมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ลงมาจากระดับ 4 เป็นระดับ 3 โรงเรียนสามารถกลับมาเปิดสอนได้บางส่วน ธุรกิจสามารถกลับมาค้าขายได้แต่ยังคงห้ามไม่ให้มีการสัมผัสตัว งานศพและงานแต่งงานที่มีคนมาร่วมงานเกิน 10 คนกำลังจะได้รับอนุญาตให้กลับมาจัดได้อีกครั้ง นอกจากนี้รัฐบาลของทั้งสองประเทศยังมีแผนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกด้วย
สกุลเงินออสเตรเลียดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นแม้ว่าดัชนี PMI จะปรับตัวลดลงเพราะนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริซันยังไม่ต้องการเปิดเกมรุกกับสถานการณ์โควิดมากนัก อย่างไรก็ตามออสเตรเลียจะเริ่มผ่อนปรนมาตรการทางด้านสุขภาพและการศึกษาในสัปดาห์หน้า การศัลยกรรมทางเลือกและทันตกรรมสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ โรงเรียนจะสามารถเริ่มทำการเรียนการสอนได้ในวันที่ 11 พฤษภาคม ความจริงที่ว่าทั้งสองประเทศนี้สามารถกลับมาเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจได้ก่อนสหรัฐฯ ก็หมายความว่าในเชิงของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแล้วออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ทำได้ดีกว่าสหรัฐฯ ดังนั้นในสัปดาห์หน้าสองสกุลเงินนี้อาจปรับตัวขึ้นได้มากกว่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์
แม้สถานการณ์ของราคาน้ำมันดิบที่ดีขึ้นจะมีส่วนช่วยให้สกุลเงินแคนดาดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นแต่ภาพรวมทางเศรษฐกิจของแคนาดาดูไม่ดีขึ้นเลยหลังจากที่โดยพายุโหมกระหน่ำเข้าไป 3 ลูกติดกันคือ โควิด-19 การปิดล็อคเมืองของสหรัฐฯ และราคาน้ำมันดิบติดลบเป็นประวัติศาสตร์ สกุลเงินยังคงที่แม้ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการจะลดลง ในสัปดาห์หน้าตลาดฟอเร็กซ์จะขึ้นหรือลงขึ้นอยู่กับข่าวเศรษฐกิจในยุโรปและของสหรัฐฯ