เชื่อว่านักลงทุนที่กำลังจับตาดูหุ้นของบริษัท General Electric (NYSE:GE) ว่าจะฟื้นกลับมาได้หรือไม่จะต้องรู้สึกกังวลเป็นอย่างมากเพราะไวรัสโคโรนาที่เข้ามากระทบในทุกๆ ธุรกิจกำลังสร้างผลกระทบต่อทุนที่ GE ถือไว้ในมื่อเพื่อที่จะนำมาพลิกฟื้นให้บริษัทสามารถกลับมายืนได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว GE ได้ออกมาเตือนนักลงทุนด้วยตัวเองว่าผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 อาจจะมีตัวเลขต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในคราวที่แล้วซึ่งสาเหตุก็คาดเดาได้ไม่ยาก: ไวรัสโคโรนา
GE คาดการณ์ว่าจำนวนเงินปันผลในไตรมาสที่ 1 จะลดลง $0.10 ต่อหุ้นในขณะที่กระแสเงินสดของบริษัทจะหายไป $2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อที่จะให้ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปให้ได้ทาง GE ได้ออกมาบอกว่าบริษัทมีแผนที่จะกู้เงินมาอีก $6,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเสริมสภาพคล่องและปรับโครงสร้างทางการเงินของบริษัทใหม่ในขณะเดียวกันกับที่ทาง IMF ออกมาเตือนว่ามนุษยชาติอาจจะกำลังเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 มาเลย
ในความเห็นของนักวิเคราะห์มองว่าการประกาศกู้ครั้งใหม่ของ GE ถือเป็นข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี นายสตีเฟ่น ทูซา นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ผู้ที่เคยคาดการณ์ปัญหาในปี 2017 ของ GE ได้อย่างถูกต้องได้แสดงความคิดเห็นสั้นๆ แต่เป็นการเตือนว่า “นี่อาจจะเป็นการขุดหลุมกับดักที่ลึกที่สุดของ GE เท่าที่เราเคยเห็นมา”
นอกจากนี้เจพีมอร์แกนยังได้ปรับลดเป้าหมายในการทำกำไรของหุ้น GE ลงมาจาก $6 เหรือเพียง $5 พร้อมทั้งให้ความเห็นว่า “เราเข้าใจดีว่าหุ้นของบริษัทใหญ่ๆ ที่อยู่ในระดับต่ำมีความน่าสนใจแค่ไหน แต่นักลงทุนควรที่จะมองอย่างเป็นกลาง ดูนโยบายการดำเนินงานของบริษัทและสำคัญที่สุดเลยคือสภาพคล่อง จากที่เราประเมินตอนนี้ GE ยังไม่มีทั้งสองสิ่งที่เรากล่าวถึง” ล่าสุดหุ้น GE มีราคาปิดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $6.93 ตลอดทั้งปี 2020 ปรับตัวลดลงมาแล้ว 37%
พันธมิตรทางธุรกิจก็ยังเอาตัวเองไม่รอด
ก่อนหน้าที่โควิด-19 จะเข้ามาและก่อนที่จะมีมาตรการปิดล็อคเมือง นักวิเคราะห์เคยประเมิน GE เอาไว้สูงกว่านี้และเชื่อว่าบริษัทจะสามารถกลับมาได้ CEO ของบริษัทนาย Larry Culp พยายามปรับโครงสร้างของบริษัทมากมายและพยายามดึงบริษัทให้ขึ้นมาจากก้นเหวที่บริษัทปรับตัวไม่ทันตามเทคโนโลยีจนทำให้ปริมาณความต้องการสินค้าของ GE อย่างเช่นเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าและเงินทุนของ GE ลดลง
การร่วงลงของหุ้นบริษัท GE เริ่มต้นขึ้นในปี 2017 GE สูญเงินไปแล้วทั้งสิ้น $20,000 ล้านเหรียญสหรัฐจนทำให้บริษัทไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลดเงินปันผลในแต่ละไตรมาสของผู้ถือหุ้นลงและนำเงินที่ได้ไปชำระหนี้ นอกจากนี้บริษัทยังได้ขายสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการทำคมนาคมและธุรกิจน้ำมันออกจนหมดสิ้น
สิ่งที่ดับความหวังของบริษัท GE ในปีนี้นอกจากจะมีเรื่องโควิด-19 แล้วยังมีข่าวที่ธุรกิจการบินได้รับผลกระทบเต็มๆ ซึ่งบริษัทโบอิ้ง (NYSE:BA) และแอร์บัส (OTC:EADSF) คือผู้ที่โดนผลกระทบจากการท่องเที่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การที่ธุรกิจการบินไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติทำให้บริษัทสายารบินจำเป็นต้องปลดพนักงานออกประมาณ 10% และตอนนี้ยังไม่สามารถกลับมาดิเนินการตามเดิมได้
GE ยังประสบปัญหากับค่าใช้จ่ายให้กับพนักงานเกษียณที่เพิ่มสูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยของเงินบำนาญที่ลดลงทำให้บริษัทต้องการเงินลงทุนอีก $1,000 ล้านเหรียญ นาย จอห็น อินช์ นักวิเคราะห์แห่ง Gordon Haskett วิเคราะห์ว่าหุ้นจำนวน 36.8% ที่ GE ถือเอาไว้กับบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ Baker Hughes (NYSE:BKR) กำลังสูญเงินไปประมาณ $600 ล้านเหรียญเพราะราคาน้ำมันดิบที่ลดต่ำลงในขณะนี้
โดยสรุปแล้ว
ในภาพรวม GE ถือว่าไม่มีข่าวดีเข้ามาหนุนเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าบริษัทจะมีชื่อเสียงมานานแต่พันธมิตรทางธุรกิจแต่ละแห่งก็กำลังประสบปัญหาจากโควิด-19 ไม่แพ้กัน ดังนั้นแม้ตอนนี้หุ้น GE จะอยู่ก้นเหวและน่าซื้อเพียงใดแต่ก็ถือว่าเสี่ยงมากหากจะลงทุนกับ GE ในเวลานี้