มาตรการเพิ่มเติมของ FED ประกาศเมื่อพฤหัสที่แล้ว (9 เม.ย.) เป็นครั้งแรกที่เปิด โอกาสให้FED เข้าลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีเครดิตต่่ากว่า Investment Grade (BB-ขึ้นมา) มองว่าตราสารหนี้กลุ่ม High Yieldในสหรัฐเริ่มกลับมาน่าสนใจอีกครั้งใน รอบ 12 ปี เนื่องจาก(1) ส่วนต่างของผลตอบแทนเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ณ ระดับปัจจุบัน ใกล้ระดับสูงสุดที่เกิดในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008(2) เม็ดเงิน ของ FED จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด US High Yield Bondและจะช่วยลด ความเสี่ยงในการต่ออายุตราสารหนี้ที่ก่าลังจะหมดอายุ(3) ล่าสุด High Yield Spreads แคบลงกว่า 85bpsนับเป็นการปรับตัวในวันรุนแรงที่สุดในรอบ 12ปี เชื่อว่าหลังจากนี้จะ มีเงินลงทุนไหลเข้าตราสารหนี้กลุ่ม High Yield อย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้ราคา สินทรัพย์กลุ่มนี้ปรับตัวสูงขึ้นตามมา
อย่างไรก็ตามความเสี่ยงในการผิดนัดช่าระดอกเบี้ยของผู้ออกตราสารหนี้กลุ่ม High Yield ในหสรัฐ ยังคงต้องรอมาตรการอื่นและเป็นปัจจัยต้องติดตามต่อไป
ราคาน้่ามันดิบ WTI (NYSE:WTI)ยังถูกกดดดันในระยะสั้นจาก ปริมาณการใช้น้่ามันดิบ โลกที่ยังมี แนวโน้มชะลอตัวลงตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในหลายๆประเทศทั่วโลกยังเพิ่มอย่าง ต่อเนื่อง กดดันให้ต้องมีการขยายระยะเวลา lockdown ออกไป และการประกาศลดลง ราคา OSP ของน้่ามันดิบที่ส่งมอบเดือนพ.ค. ให้เอเชียอีก U$4.2/bbl ซึ่งเป็นปัจจัย กดดันราคาน้่ามันดิบในเกรดอื่นๆให้ลดราคาตามเพื่อแข่งขันทางด้านราคากับซาอุฯ
ในวันนี้แนะน่าติดตามดัชนีราคาสินค้าน่าเข้า (Export Price Index)ของสหรัฐเดือนมี.ค. (MoM) โดยตลาดคาดการณ์ที่ -3.2% ต่่ากว่าครั้งก่อนที่ -0.5 %,ดัชนีราคาสินค้าน่าเข้า (Export Price Index)ของสหรัฐเดือนมี.ค. ,เช้าวันพุธแนะน่าติดตาม ปริมาณการน่าเข้า สินค้าของจีนเดือนมี.ค.(YoY) โดยตลาดคาดการณที่ -9.5% ต่่ากว่าครั้งก่อนที่ -4.0%, รายงานการส่งออกสินค้าของจีนเดือน มี.ค.(YoY) ตลาดคาดการ์ที่ -14% ดีกว่าครั้ง ก่อนที่ -17.2%
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th