🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

สกุลเงินดอลลาร์ที่กลายสถานะเป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัยจะปลอดภัยจริงหรือเปล่า?

เผยแพร่ 19/03/2563 14:39
EUR/USD
-
USD/JPY
-
USD/CAD
-
DJI
-
กลับเข้าสู่วงวารเดิมอีกครั้งหลังจากที่วันจันทร์ลง อังคารขึ้นและเมื่อวานนี้ก็เป็นคิวของขาลงอีกครั้ง การวิ่งขึ้นของตลาดในวันอังคารไม่ได้ช่วยอะไรเลยนอกจากเลื่อนวันเทขายของราคามาเป็นวันพุธเท่านั้น ทุกวันนี้เราแทบจะได้ยินข่าวแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจรายวันว่ารัฐบาลประเทศนั้นประเทศนี้จะสู้กับโควิด-19 อย่างไรแต่ข่าวที่ออกมาไม่เคยถูกใจนักลงทุนเสียทีและทั้งหมดนี้สะท้อนออกมาเป็นการร่วงลงของดัชนีดาวโจนส์เมื่อคืนนี้อีก 1,500 จุด
 

ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาแคนาดาพึ่งออกชุดมาตรการเยียวยาเป็นเงินจำนวน $8,200 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อบรรเทาบาดแผลที่ได้รับจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบและการปิดบางพื้นที่เพราะไวรัสโคโรนา รัฐบาลกลางจะมอบเงินชดเชยบางส่วนให้กับภาคธุรกิจขนาดเล็ก เงินช่วยเหลือบุตร เลื่อนระยะเวลาการชำระภาษีให้กับประชาชนและเพิ่มวงเงินประกันภัยฉุกเฉินขึ้นอีก $900 เป็นเวลา 15 สัปดาห์

ที่ประเทศญี่ปุ่นรัฐบาลกำลังถกกันเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งรวมไปถึงการมอบเงินเยียวยาด้วย ธนาคารกลางออสเตรเลียตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ส่วนเยอรมันธนาคารกลางปรับลดตัวเลขขั้นต่ำของเงินกองทุนส่วนเพิ่มให้กับธนาคารพาณิชย์ ประเทศในกลุ่มยูโรโซนได้มีการสั่งปิดชายแดนของแต่ละประเทศและสั่งปิดโรงงานผลิตของบริษัทรายใหญ่ๆ อย่างเช่น BMW ถึงกระนั้นทั้งยูโรโซนและเยอรมันจำเป็นทำงานให้หนักกว่านี้เพราะตัวเลขจำนวนผู้ว่างงานกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ และแนวโน้มขาลงของกราฟ EUR/USD ยังคงคุมตลาดอยู่ นักลงทุนในตอนนี้เริ่มเทขายสกุลเงินยูโรแล้วเพราะกลัวว่าเศรษฐกิจในทวีปยุโรปจะเข้าสู่สภาวะถดถอยในปีนี้ อย่างที่เราได้บอกไปในบทวิเคราะห์เมื่อวานว่าถ้ากราฟ EUR/USD ไม่สามารถขึ้นยืนเหนือ 1.10 ได้ก็ให้มองแนวรับ 1.05 ได้เลย

 
แม้ว่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ส่วนใหญ่จะร่วงลงด้วยกันหมด แต่กราฟ USD/JPY กลับสามารถยืนเหนือระดับ 107 ท่ามกลางมรสุมไวรัสโคโรนาที่กำลังทำลายเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ คำอธิบายว่าทำไมดอลลาร์ยังคงขึ้นอยู่ได้มีแค่คำตอบเดียวคือนักลงทุนมองว่าสกุลเงินดอลลาร์มีสถานะเป็นสินทรัพย์สำรอง แต่ความคิดนี้อาจจะอยู่ได้อีกไม่นานหากว่าแคลิฟอร์เนียถูกสั่งปิดเมืองเมื่อไหร่ดอลลาร์อาจจะอ่อนมูลค่าลง ตอนนี้เมืองนิวยอร์กเรียกได้ว่าต้องจับตาดูสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงว่าจะโดนปิดเมืองเมื่อไหร่ ถ้าการปิดเมืองนี้กินระยะเวลาเป็นเดือนรับรองได้ว่าจะเป็นการทำลายเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างมหาศาล
 
แม้ว่าทรัมป์จะประกาศออกมาแล้วถึงมาตรการเยียวยาคนละ $1000 และกำลังรอให้สภาสูงอนุมัติกฏหมายฉบับนี้อยู่แต่นักวิเคราะห์มองว่ายังไม่เพียงพอที่จะช่วยประเทศได้ ถ้าเป้าหมายของมาตรการเงินเยียวยา $1000 คือการช่วยเหลือตลาดแรงงงานในสหรัฐฯ เป็นหลัก คำถามที่ตามมาคือ: เงินจำนวนนี้เพียงพอให้พวกเขาสามารถผ่านไวรัสครั้งนี้ไปได้จริงหรือ? เข้าใจว่าทรัมป์อยากให้เงินในระบบยังสามารถหมุนเวียนได้ต่อไปแต่ระยะเวลาการหมุนเวียนของเงินจะยาวนานพอที่จะแข่งกับการเร่งทำวัคซีนหรือยอดจำนวนผู้ติดเชื่อที่สูงขึ้นหรือไม่ ดังนั้นเราจึงคิดว่าขาขึ้นของกราฟ USD/JPY ในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะคงอยู่ถาวรและกราฟมีโอกาสลงมายังแนวรับ 105 หรือต่ำกว่าได้

กราฟ USD/CAD ทะยานขึ้นสู่จุดของคู่สกุลเงินได้ในรอบ 4 ปีและกำลังอยู่บนเส้นทางมุ่งหน้าไปยังระดับราคา 1.45 แม้รายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ 0.4% แต่ข้อมูลนี้มีความหมายต่อกราฟแค่นิดเดียวเพราะอันที่จริงแล้วสาเหตุหลักเกิดมาจากการร่วงลงอย่างหนักของราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนสู่จุดต่ำสุดในรอบ 17 ปี การวิ่งของกราฟ USD/CAD ล่าสุดคือตัวอย่างที่ดีว่าสกุลเงินสามารถเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดบรรยากาศในการลงทุนที่ดีเมื่อนักลงทุนเกิดความแตกตื่น การเทขายสามารถทำให้กราฟวิ่งขึ้นหรือลงไปได้ไกลกว่าที่เราจะจินตนาการได้มาก ทุกวันนี้มาตรการของธนาคารกลางแคนาดาก็ถือเป็นเป็นหนึ่งในธนาคารกลางฯ ที่ใช้มาตรการรุนแรงที่สุดแห่งหนึ่งแล้ว แต่เพราะปัญหาครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากเศรษฐกิจและมันคือโรคระบาดที่ต้องใช้ยารักษาเท่านั้นถึงจะแก้เกมในครั้งนี้ได้

สกุลเงินหลักอื่นๆ อย่างเช่นปอนด์ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ดอลลาร์ปรับตัวลดลงมากกว่า 3% จนสามารถลงไปถึงจุดต่ำสุดใหม่ แต่นายแอนเดรียน ออร์ผู้ว่าการธนาคารกลางนิวซีแลนด์กลับมองว่าการลดลงครั้งนี้เป็นรับได้ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ก็อาจจะคิดเช่นนี้เหมือนกันเพราะถ้าไปถึงขั้นสั่งปิดเมืองจนเศรษฐกิจได้รับความเสียหายแล้ว สกุลเงินที่อ่อนมูลค่าอยู่แล้วก็ไม่สามารถวิ่งไปไหนได้ไกลมากนัก คาดว่ารายงานตัวเลขในภาคแรงงานและตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 4 ที่จะออกจะต้องเป็นตัวเลขที่ลดลงและกระทบต่อ AUD และ NZD มากอย่างแน่นอน

 

การประกาศนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์ในวันนี้ก็ถือว่าน่าสนใจ ปัญหาไวรัสโคโรนาอาจจะบีบให้ธนาคารกลางฯ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากผ่อนคลายมาตรการทางการเงิน อัตราดอกเบี้ยของสวิสฯ ติดลบอยู่แล้วดังนั้นเชื่อว่าธนาคารกลางฯ น่าจะใช้มาตรการอื่นแทนที่จะเลือกลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมและทำให้สกุลเงินอ่อนมูลค่าลงไปอีก

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย