เราทราบดีว่าไวรัสโคโรนาในปัจจุบันสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจโลกมากเพียงใดและนักลงทุนก็รู้ดีว่าตอนนี้มีแต่สหรัฐฯ เท่านั้นที่ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งและไม่สะทกสะท้านใดๆ เลยจนกระทั่งเราได้รู้ว่าความเป็นจริงแล้วอาจไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ผลิตมือถือชื่อดังอย่างไอโฟนกำลังได้รับผลกระทบจากโควิด 19 จนเมื่อวันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์บริษัทต้องออกมาแจ้งล่วงหน้าเลยว่าในไตรมาสที่ 2 นี้ตัวเลขผลประกอบการอาจไปไม่ถึงเป้าที่ตั้งใจไว้เพราะฐานการผลิตส่วนใหญ่ของแอปเปิ้ลอยู่ในประเทศจีนซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรง
ในวันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์หุ้นของบริษัทแอปเปิ้ล (NASDAQ:AAPL) ปรับตัวลดลงมากกกว่า 2% หลังจากที่บริษัทได้ออกมาประกาศว่าผลประกอบการในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้อาจไปไม่ถึงเป้าซึ่งสาเหตุคือการชะลอตัวในภาคแรงงานเพราะพนักงานมาทำงานได้เพียง 10% กว่าๆ เท่านั้น ส่วนใหญ่จะไม่สามารถออกมาทำงานได้ซึ่งส่งผลให้การผลิตไม่อาจไปได้เร็วทันความต้องโทรศัพท์มือถือไอโฟน นอกจากนี้ความต้องการมือถือไอโฟนในจีนยังลดลงด้วยซึ่งปีที่แล้วตลาดในจีนมีส่วนสำคัญกับตัวเลขยอดขายจำนวน $52,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
การผลิตที่มีข้อจำกัดและความต้องการที่ลดลง
บริษัทแอปเปิ้ลกล่าวว่าเพราะไวรัสโคโรนาทำให้กระบวนการผลิตมือถือชื่อดังที่สร้างกำไรอย่างเป็นกอบเป็นกำให้บริษัทอย่างไอโฟน (iPhone) ต้องลดลงอย่างช่วยไม่ได้
“แม้ว่ารัฐบาลจีนจะอนญาตให้พนักงานสามารถมาทำงานได้ตามปกติแล้วแต่ด้วยปัจจัยโคโรนาไวรัสจึงทำให้พนักงานบางคน (ซึ่งเป็นส่วนใหญ่) ยังไม่สามารถมาทำงานได้ เมื่อไม่มีคนทำงานการผลิตจึงได้ชะลอตัวลง นอกจากนี้ความต้องการมือถือไอโฟนในประเทศจีนยังลดลงด้วยเพราะศูนย์ให้บริการของแอปเปิ้ลบางแห่งจำเป็นต้องหยุดให้บริการแก่ลูกค้าชั่วคราว”
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “ในเดือนมีนาคมนี้แอปเปิ้ลมีแผนจะเปิดตัวมือถือไอโฟนรุ่นประหยัด (คาดการณ์กันว่าเป็น iPhone 9 หรือ SE2) ซึ่งเราต้องมาคอยดูกันว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้จะได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาด้วยหรือไม่”
ก่อนที่ไวรัสโคโรนาจะระบาดในเดือนมกราคมแอปเปิ้ลได้คาดการณ์ตัวเลขผลกำไรรวมในไตรมาสที่ 2 เอาไว้ที่ $63,000 - $67,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
การชะลอตัวของหุ้นแอปเปิ้ลในปัจจุบันเกิดขึ้นหลังจากที่หุ้นบริษัททะยานขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งตลอดระยะเวลา 12 เดือน สร้างตัวเลขมูลค่าทางการตลาดให้กับบริษัทอีก $725,000 ล้านเหรียญสหรัฐจนมีมูลค่าสูงถึง $1,380,000,000,000 เหรียญสหรัฐ แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาหุ้นของแอปเปิ้ลมีราคาอยู่ที่ $318.25 ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดที่ $327.85 คิดเป็น 3% เท่ากับว่าเฉพาะปี 2020 หุ้นแอปเปิ้ลปรับตัวขึ้นมารวมทั้งสิ้น 8% และตลอด 12 เดือนล่าสุดหุ้นปรับตัวขึ้นมา 86%
แม้จะชะลอตัวแต่จนถึงตอนนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 จะเป็นผลกระทบเพียงระยะสั้นเท่านั้น ที่สำคัญเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวมยังคงแข็งแกร่ง สหรัฐฯ พึ่งผ่านการเซ็นสัญญาทางการค้าขั้นแรกกับจีนมาและประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ออกมาย้ำหลายรอบแล้วว่าจะไม่ลดอัตราดอกเบี้่ยเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจยังคงสามารถเติบโตได้ต่อไป ความแข็งแกร่งนี้ได้แสดงออกมาในรูปแบบของกราฟดัชนี S&P 500 ที่สามารถสร้างจุดปิดสูงสุดใหม่เป็นประวัติศาสตร์ในรอบ 12 ปีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้สำเร็จ
การชะลอตัวครั้งนี้คือโอกาสเข้าซื้อหุ้นใช่หรือไม่?
นักลงทุนและนักวิเคราะห์บางคนถึงกับบอกว่าเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในครั้งนี้อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่หยุดสถิติการปรับตัวขึ้นตลอด 11 ปีของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ จนถึงขณะนี้ (ในเวลาที่กำลังเขียนบทความ) จำนวนยอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ตัวเลข 75,000 รายและยอดจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 2,000 คนซึ่งตัวเลขทั้งหมดเป็นตัวเลขเฉพาะในประเทศจีน
บริษัทหลักทรัพย์เครดิต สวิสแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ผลกระทบของโคโรนาไวรัสสำหรับเรามองว่าเป็นการแทรกแซงทางเศรษฐกิจมากกว่าที่จะเป็นการทำลาย ในตอนนี้โคโรนาไวรัสเรียกได้ว่ากระทบกับทุกธุรกิจ แต่ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเพราะการชะลอตัวครั้งนี้ถือเป็นจุดเข้าซื้อที่ดีหากคุณต้องการกระโดดลงไปสัมผัสประสบการณ์ในตลาดหุ้น เราเชื่อว่าการชะลอตัวต่างๆ จะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2020”
หากตัดปัจจัยในเรื่องของไวรัสโคโรนาออกไปหุ้นของแอปเปิ้ลถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนในระยะยาวจนได้รับขนานนามว่าเป็น “1 ใน 5 เทพแห่งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (FAANG)” ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลมีใครบ้างไม่รู้จัก โทรศัพท์ของแอปเปิ้ลมีใครบ้างไม่รู้จัก ขนาดว่าผลิตมือถือหน้าตาเหมือนเดิมมา 2 รุ่นแต่ด้วยแผนธุรกิจที่แข็งแกร่งทำให้บริษัทมียอดขายและผลกำไรที่สูงได้ขนาดนี้ นอกจากนี้ด้วยระบบนิเวศน์ของอุปกรณ์และบริการแอปเปิ้ลจึงทำให้ผู้ที่ใช้งานอยู่ยากมากที่จะออกจากระบบนิเวศน์นี้ได้ ด้วยสาเหตุนี้ทำให้บริษัทมีเวลามากพอที่จะทำการตลาดแบบเจาะกลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ ให้เข้ามาสู่อาณาจักร
นอกจากนี้การบริการต่างๆ ของแอปเปิ้ลอย่างเช่น App Store, Apple Pay และ Apple Music ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากทำให้แอปเปิ้ลมีโอกาสจะสร้างยอดผลกำไรได้มากขึ้นอีกในปีนี้
ยังไม่หมดแค่นั้นในปีนี้ซึ่งเป็นปีที่ iPhone 12 จะถือกำเนิด นักวิเคราะห์และแฟนคลับแอปเปิ้ลเชื่อเหลือเกินว่าปีนี้ iPhone 12 ต้องมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ซึ่งสามารถรองรับ 5G ได้อย่างแน่นอน การมาของ 5G ประกอบกับเสถียรภาพของระบบ iOS ที่ขึ้นชื่อมากๆ และยากที่จะทำลายความแข็งแกร่งนี้ทำให้ iPhone 12 จะเป็นที่สนใจมากเป็นพิเศษ และเมื่อยอดขายไอโฟน 12 ดีขึ้นก็จะยิ่งทำให้บริการหรืออุปกรณ์อื่นๆ อย่าง AirPod, Smartwatch ขายดีตาม แอปเปิ้ลในตอนนี้กำลังขยับตัวเองออกจากบริษัทผู้ผลิตฮาร์ตแวร์ไปเน้นด้านการบริการแทน
การเติบโตในภาคการบริการของแอปเปิ้ลเมื่อปีที่แล้วช่วยชดเชยยอดขายของไอโฟนที่หายไปได้มากถึง 14% สำหรับปีนี้คาดว่ายอดขายจากการบริการจะเพิ่มขึ้นเป็น $5,400 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก 18% จากตัวเลขในช่วงสิ้นปี 2019
โดยสรุปแล้ว…
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไวรัสโคโรนาในตอนนี้สามารถสร้างผลกระทบแม้กระทั่งกับบริษัทแอปเปิ้ลที่มีฐานการผลิตส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศจีนได้ แต่ยิ่งการชะลอตัวกินเวลานานเท่าไหร่ยิ่งเป้นโอกาสดีให้นักลงทุนได้หาโอกาสเข้าซื้อหุ้นแอปเปิ้ลในระยะยาวมากขึ้นเท่านั้น ด้วยแผนธุรกิจของแอปเปิ้ลซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ตอนนี้แอปเปิ้ลกำลังค่อยๆ เปลี่ยนตัวเองจากผู้นำด้านการคิดค้นนวัตกรรมมาเป็นผู้นำด้านการสร้างประสบการณ์ใช้งานในระบบนิเวศน์และการบริการอย่างดีที่สุดให้กับอุปกรณ์ของบริษัท
เมื่อสถานการณ์ไวรัสโคโรนาหมดไปและแอปเปิ้ลได้กลับไปเพิ่มตัวเลขยอดขายและการบริการในตอนนั้นเราจะได้เห็นตัวเลขการเติบโตของไอโฟนสามารถฟื้นกลับคืนมาได้