หลังจากที่ตลาดดัชนีของสหรัฐฯ ร่วงเมื่อวันคริสต์มาสอีฟในปี 2018 นั้น ในปี 2019 ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้นั้นไม่เป็นไปตามการคาดการณ์ เศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งตลาดปรับตัวสูงขึ้น และหุ้นยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
และเหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้นเกิดขึ้นท่ามกลางคำเตือนจากนักวิเคราะห์เกี่ยวกับภาวะถดถอยที่กำลังจะเกิดขึ้น หลังจากที่เส้นอัตราผลตอบแทนได้แสดงในรูปแบบโค้งคว่ำเหนือช่วงฤดูร้อน แสดงให้เห็นถึงสัญญาณขอการเติบโตที่จะเปลี่ยนเป็นขาลง
ด้านล่างนี้เรารวบรวมรายชื่อหุ้นยอดนิยม 3 รายการ ที่มีความแข็งแกร่ง แม้จะมีอัตราต่อรองที่หลากหลายในปี 2019. ผลการดำเนินงานของพวกเขาในปีนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความเต็มใจของนักลงทุนที่จะรับความเสี่ยง ในสภาพแวดล้อมที่เมื่อผลตอบแทนจากสินทรัพย์ประเภทอื่นยังคงอยู่ในระดับต่ำ และธนาคารกลางก็พร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจถดถอย
1. Tesla
หุ้นของ Tesla Inc (NASDAQ:TSLA) ในที่สุดก็สามารถทะลุเส้นแนวโน้มขาลงขึ้นไปได้ในเดือนต.ค.หลังจากที่ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร นาย Elon Musk ได้เดินเกมผิดหลายครั้ง หุ้นของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไต่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันศุกร์ ปิดที่ $405.59 เหรียญ ทำให้มูลค่าทางการตลดเพิ่มเป็น 55% ตั้งแต่บริษัทได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดในการรายงานผลกำไรในวันที่ 23 ต.ค.
Musk ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในซีอีโอที่มีนวัตกรรมมากที่สุดของประเทศนั้นได้กลายเป็นผู้ที่ทำลาย Tesla ด้วยเช่นกัน
การเพิ่มขึ้นของหุ้นในบริษัทเริ่มขึ้น เมื่อบริษัทมีกำไรเป็นบวกในไตรมาสที่สาม ซึ่งทำกำไรต่อหุ้นที่ $1.86 เหรียญ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ว่าจะมีการสูญเสียมูลค่าที่ $0.24 เหรียญ
ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้กล่าวว่าจะมีการเปิดโรงงานใหม่เร็วๆ นี้ที่ประเทศจีน และรถรุ่น Y จะเปิดตัวเร็วกว่าที่เคยแจ้งไว้ Tesla มีแนวโน้มที่จะปิดปีนี้ที่ $293 เหรียญต่อหุ้น แม้ว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมีทัศนคติลบต่อหุ้นก็ตาม
2. General Electric
ยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมไฟฟ้าบริษัท General Electric (NYSE:GE)ได้สร้างความไม่มั่นใจให้กับนักวิเคราะห์หลังจากที่บริษัทสามารถฟื้นตัวได้จากหายนะในปี 2018 ที่ราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนักเช่นเดียวกับความต้องการสินค้าของบริษัท
หลังจากมีการซื้อขายต่ำกว่า $10 เหรียญในส่วนใหญ่ของปี หุ้นเริ่มที่จะกลับมามีแนวโน้มขาขึ้นในช่วงต้นเดือนต.ค. ปิดตลาดการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ $11.03 เหรียญ หุ้นทำกำไรได้มากกว่า 50% ในปี 2019 ส่งสัญญาณว่าแผนการปรับโครงสร้างของผู้บริหารชุดใหม่นั้นประสบความสำเร็จ
นัยะสำคัญของการเพิ่มขึ้นของกำไรนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่ GE ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ในเดือนพ.ย. ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์กระแสเงินสดของบริษัทดีขึ้น และหน่วยอุตสาหกรรมบางแห่งเริ่มแสดงสัญญาณของการกลับมาทำงานแล้ว
ประสิทธิภาพของการดำเนินงานนั้นเป็นสิ่งที่ นาย Larry Culp ประธานกรรมการบริหารคนใหม่ของบริษัทได้ให้สัญญาไว้ นับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว สิ่งที่ทำให้นักลงทุนตื่นเต้นในครั้งนี้คือการคาดการณ์ที่ดีขึ้นของ บริษัท สำหรับกระแสเงินสดในปี 2019 โดยในไตรมาสที่สอง GE ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในธุรกิจอุตสาหกรรม
แม้จะมีสัญญาณเชิงบวกเหล่านี้ แต่นักวิเคราะห์ยังไม่มั่นใจ GE และอนาคตของมันยังดูไม่แน่นอน
J.P. Morgan ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของ GE ที่คาดการณ์การล่มสลายของหุ้นอย่างถูกต้องเมื่อสามปีที่แล้วปัจจุบันมีเป้าหมายราคา 5 เหรียญต่อหุ้นนักวิเคราะห์กล่าวในบันทึกย่อล่าสุดว่าพวกเขาไม่เชื่อว่า "การจัดการของ GE ได้กำหนดจุดต่ำสุด" สำหรับประสิทธิภาพของธุรกิจ และกล่าวเพิ่มเติมว่า “ GE ไม่มีคำแนะนำเกี่ยวกับธุรกิจบน EBIT ที่กำหนดไว้ในเดือนมีนาคม”
3. Apple
ใครจะคิดว่าปี 2019 จะกลายเป็นปีที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนใน Apple Inc (NASDAQ:AAPL) ในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูงซึ่งรวมถึง Facebook Inc (NASDAQ:FB), Amazon.com Inc (NASDAQ:AMZN) และ Netflix Inc (NASDAQ:NFLX) Apple ได้รับประโยชน์สูงสุดเพิ่มขึ้นประมาณ 80% ในปีนี้ หุ้นปิดที่ $279.44 เหรียญในวันศุกร์
ด้วยยอดขาย 20% ของบริษัทที่มาจากประเทศจีน ซึ่งยังเป็นแหล่งเครือข่ายซัพพลายเออร์ขนาดใหญ่ด้วยนั้น Apple ก็เผชิญกับภัยคุกคามโดยตรงต่อธุรกิจของบริษัท เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะมีการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น
Apple เริ่มปีใหม่ด้วยราคาหุ้นmujลดลงมากกว่า 30% จากสถิติสูงสุดในเดือนส.ค. 2018 เมื่อปี 2019 เริ่มมีความคืบหน้า แต่ก็เห็นได้ชัดว่ายักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีนั้น มีทางออกที่หลากหลาย เพื่อจัดการกับสถานการณ์ที่ท้าทายจากสงครามทางการค้าได้สร้างขึ้น
ในช่วงปลายปีหุ้นของ Apple ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากนักวิเคราะห์ สำหรับการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นที่ห้าหรือ 5G ในปี 2020 โดยนักวิเคราะห์ของ Wall Street ได้คาดการณ์ว่าการเติบโตของรายได้จะกลับมาในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนก.ย. 2021
สรุป
Tesla, GE และ Apple เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าหุ้นสามารถสร้างความประหลาดใจและสร้างความพึงพอใจให้กับตลาดได้อย่างไร หุ้นทั้งสามตัวนี้จะปิดปี 2019 ด้วยการทำกำไรแบบที่ไม่คาดคิดมาก่อน และคาดว่าปี 2020 จะเป็นปีที่ดีกว่าสำหรับพวกเขา