หุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากทั้งสหรัฐฯ และจีนประกาศว่าพวกเขาตกลงที่จะทำข้อตกลงการค้าบางส่วน ที่ช่วยเลื่อนการเก็ยภาษีออกไปก่อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามทางการค้าที่ทำให้ตลาดอยู่ภายใต้ความกดดันเป็นระยะเวลากว่า 18 เดือน ผู้เจรจาจากทั้งสองฝ่ายจะทำงานเพื่อกำหนดกรอบเวลา สำหรับการลงนามในข้อตกลงซึ่งยังอยู่ภายใต้กระบวนการทางกฎหมายแม้ว่า Robert Lighthizer ตัวแทนการค้าของสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันศุกร์ว่าทั้งสองฝ่ายจะตั้งเป้าหมายการเจรจาในเดือนม.ค. ในวอชิงตัน
ขณะนี้นักลทุนต่างหันความสนใจไปยังดัชนีหุ้นพื้นฐานในสัปดาห์นี้แทน เพราะบริษัทใหญ่หลายๆ แห่งของสหรัฐฯ ต่างกำหนดวันที่จะรายงานผลประกอบการกันแล้ว ด้วยเหตุผลนี้ เราจึงจับตามองหุ้น 3 ตัวนี้
1. FedEx
FedEx (NYSE:FDX) บริการขนส่งพัสดุที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะรายงานผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2020 ในวันอังคารที่ 17 ธ.ค. หลังจากตลาดปิด โดยเฉลี่ยนักวิเคราะห์คาดว่าจะมีกำไร $2.82 เหรียญต่อหุ้น จากยอดขาย $17,600 ล้านเหรียญ
ในขณะที่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ในเดือนกันยายน บริษัท ได้ลดการคาดการณ์กำไรภายในปีดำเนินการ ซึ่งสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เลวร้าย บวกกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนในขณะนั้น ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากในการขนส่ง แบบด่วน (Express Delivery) ของบริษัท
บริษัทยังคาดการณ์ว่าผลกำไรต่อหุ้นจะร่วงลงประมาณ 16-29% ในปีงบประมาณปัจจุบัน เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้า FedEx ยังได้ปรับลดมุมมองโดยรวมของยอดขายทั้งหมดลงด้วยเช่นกัน FedEx ปิดตลาดที่ $165.67 เมื่อวันศุกร์ ลดลง 11% จากปีก่อนหน้า จากรายงานคำแนะนำของบริษัทได้มีความคิดเห็นว่า บริษัทจะมีการดำเนินการที่ดีขึ้น หากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนดีขึ้นในเดือนถัดไป
2. Nike
Nike (NYSE:NKE) จะเปิดเผยผลประกอบการทางการเงินสำหรับไตรมาสที่สองของปีงบประมาณ 2020 ในวันพฤหัสบดีที่ 19 ธ.ค. หลังจากตลาดปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์โดยเฉลี่ยว่า ยักษ์ใหญ่ด้านกีฬาจะทำรายได้ $0.58 จากส่วนแบ่งกำไรจากยอดขายประมาณ 10,000 ล้านเหรียญ
หลังจากพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $97.77 เหรียญเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หุ้น Nike ได้รับมากกว่า 30% ในปีนี้ ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนช่วยให้นักลงทุนคลายความกลัวเกี่ยวกับยอดขายทั่วโลก
รายงานผลประกอบการก่อนหน้าของบริษัทแสดงให้เห็นว่าไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าสักเท่าไหร่ ทั้งรายได้และยอดขายนั้นปรับตัวขึ้น ในเฉพาะในส่วนของสินค้าแบรนด์ผู้หญิง
Nike มีการกระจายการผลิตออกไปจากประเทศจีนอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าจากจีน ปีที่แล้วประมาณ 26% ของรองเท้าและเครื่องแต่งกายของ Nike ผลิตในประเทศจีน แต่จากข้อมูลของกลุ่มการเงิน Susquehanna นั้นได้แสดงข้อมูลว่าน้อยกว่า 10% ของรองเท้าที่นำเข้ามายังสหรัฐอเมริกา
3. Micron Technology
ผู้ผลิตชิป Micron Technology (NASDAQ:MU) จะรายงานงบการเงินไตรมาสที่ 1 ปี 2020 ในวันพุธที่ 18 ธ.ค. หลังจากตลาดปิด ผู้ผลิตชิปจัดเก็บข้อมูล คาดว่าจะทำรายได้ $0.47 เหรียญต่อหุ้นจากรายรับ $5,000 ล้านเหรียญ
ในเดือนก.ย. หลังจากที่มีการประกาศผลประกอบการ บริษัทได้นำเสนอตัวเลขของการคาดการณ์ผลกำไรรายไตรมาสที่น่าผิดหวังและได้เตือนว่าความตึงเครียดจากการค้า อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตชิป โดยบริษัทได้คาดการณ์ว่ายอดขายจะลดลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน
แต่หุ้นของไมครอนเพิ่มขึ้น 60% ในปีนี้กำลังเผชิญกับภาคการค้าที่มีความอ่อนไหวต่อสัญญาณที่ว่าความต้องการชิปที่ลดลงต่ำสุด เนื่องจากทั้งสหรัฐฯ และจีนพยายามแก้ไขปัญหาทางด้านการค้า โดยหุ้นปิดในวันศุกร์ที่ $51.20 เหรียญ