การลงทุนในสถานการณ์ที่ไม่นิ่งมักจะมาพร้อมกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ เมื่อหุ้นบริษัทที่ครั้งหนึ่งตกอยู่นสภาวะที่ย่ำแย่ที่สุดแต่ในตอนนี้เริ่มที่จะเห็นการเคลื่อนไหวที่เป็นบวก
นักลงทุนที่ได้เฝ้ามองบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างGeneral Electric Company (NYSE:GE) มาเป็นเวลาสองปี ณ ขณะนี้คงกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลังจากที่กราฟปรับลดตัวลง 60% จนถึงปลายปีที่แล้ว ตอนนี้หุ้น GE เริ่มที่จะฟื้นตัวช้าๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป
หุ้นปิดการซื้อขายเมื่อวานนี้ที่ $11.29 เหรียญ สร้างตลาดบวก 50% ในปี 2019 ทำให้เกิดความตื่นตัวของผู้ซื้อหุ้นในตลาดขาขึ้น ที่ต้องการเห็นการกลับมาต่อสู้ของหุ้นบริษัทนี้อีกครั้งเพื่อที่พวกเขาจะได้รับผลตอบแทนจากการซื้อของพวกเขา
การตื่นตัวของหุ้นในบริษัทได้รับแรงหนุนมาจากรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ที่แสดงให้เห็นว่ามีสถานการณ์กระแสเงินสดดีขึ้นรวมไปถึงหน่วยการผลิตที่เริ่มจะมีสัญญาณที่ดีขึ้นของผลประกอบการ
ประสิทธิภาพการทำงานนั้นเป็นสิ่งที่นาย Larry Culp ประธานกรรมการบริหารคนใหม่ของ บริษัท ได้ให้สัญญาไว้นับตั้งแต่เขาเข้ามาทำงาน มากกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา ว่าจะช่วยทำให้บริษัท GE มีผลประกอบการที่ดีขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาความต้องการผลิตภัณฑ์หลักลดลงและระดับหนี้เพิ่มขึ้นสู่ในระดับที่น่าตกใจ
สิ่งที่ทำให้นักลงทุนตื่นเต้น คือการคาดการณ์ของกระแสเงินสดของบริษัทในปี 2019 ซึ่งเป็นไตรมาสที่ 2 ของบริษัท GE ที่สามารถทำได้ และได้รับแรงหนุนจากสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจอุตสาหกรรม ซึ่งจะสร้างรายได้มากถึง 2000 ล้านเหรียญ ในปีนี้ ซึ่งจำนวนนี้คิดเป็นสองเท่าของโปรเจคก่อนหน้านี้ที่ทำเงินได้ไม่เกิน 1000 ล้านเหรียญ
สำหรับมุมมองที่เป็นบวก มีเหตุผลหลายประการที่จะช่วยเป็นแรงหนุนให้กับรายงานครั้งล่าสุด
อย่างแรกคือ GE ได้แสดงถึงความเติบโตของบริษัทในไตรมาสที่ 3 ธุรกิจอุตสาหกรรม ได้สร้างกระแสเงินสดมากถึง $650 ล้านเหรียญ
ยอดขายจากเครือการบินของบริษัท เพิ่มขึ้น 8.4% แม้จะได้รับผลกระทบอย่างมากจาก Boeing Co (NYSE:BA). ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน 737 Max ที่ถูกระงับการผลิตตั้งแต่เดือนมีนาคม เนื่องจากเกิดปัญหาร้ายแรงถึงสองครั้ง
'ไม่มีข้อโต้แย้ง'
เมื่อสายการบินต่างๆ ต่างเปิดเส้นทางการบินใหม่ ส่งผลให้ ธุรกิจการบินและการดูแลสุขภาพของ GE ก็ดูเหมือนจะเติบโตตาม ทั้งสองธุรกิจได้สร้างผลกำไรถึง $7500 ล้านเหรียญ ในช่วงเก้าเดือนแรกของปีงบประมาณ 2019 โดยมีอัตรากำไร 19.4%
ในทางกลับกันธุรกิจพลังงานของ บริษัท ตกอยู่ในสภาวะที่ต้องต่อสู้อย่างมาก ในไตรมาสที่ 3 คำสั่งซื้อลดลงถึง 30% ซึ่งบ่งชี้ว่าหน่วยนี้จะยังคงใช้เงินสดอย่างต่อเนื่องและอาจชะลอการฟื้นตัว
ข้อเสียอีกประการหนึ่งที่นักลงทุนไม่ควรเพิกเฉยคือธุรกิจประกันภัยของ GE ที่ตอนนี้กำลังต่อสู้อย่างหนักเช่นกัน ซึ่งบริษัทได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นายCulp กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมว่าจะมีการปรับปรุงที่สำคัญในธุรกิจการผลิตของ GE ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
“ผลลัพธ์ของเราสะท้อนความคืบหน้าอีกไตรมาสในการเปลี่ยนแปลงของ GE เรายังได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน การเติบโตตามปกติ การขยายตัวของมาร์จิ้น และกระแสเงินสดในเชิงบวกท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในระดับโลก”
“ผมมั่นใจว่าจะสามารถดึงความมั่นใจให้กลับมาจากผู้ถือหุ้น GE ด้วยเหตุผลที่ว่าเรากำลังมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว”
นักวิเคราะห์จาก Street มีความเห็นเชิงบวกมากขึ้นต่อบริษัท ซึ่งรวมไปถึงนาย Stephen Tusa นักวิเคราะห์ของ JPMorgan ผู้ซึ่งวิเคราะห์ได้แม่นยำที่สุดเมื่อพูดถึง GE
“มันไม่มีข้อโต้แย้งหรอกในขณะนี้” Tusa กล่าว
ขณะนี้นักวิเคราะห์ 8 คนจาก 20 คนโหวตให้“ ซื้อ” สำหรับหุ้น GE 2 คนแนะนำให้ขายในขณะที่ 10 คนโหวตให้ “รอ” โดยมีเป้าหมายราคาเฉลี่ยอยู่ที่ $10.77 เหรียญ ในอีก 12 เดือนข้างหน้า
สรุป
การปรับโครงสร้างของ GE ยังคงเป็นสิ่งที่อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยมีสัญญาณจากนาย Culp ว่ามีการฟื้นตัวอย่างแน่นอน นักลงทุนควรทราบว่าหุ้น GE นั้นสูงกว่า 3.5% หลังจากที่ นาย Culp เข้ารับตำแหน่ง CEO เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2018 แต่ก็ยังมีหลากหลายเหตุการณืที่เกิดขึ้นภายในบริษัท ดังนั้นด้วยเหตุผลเหล่านี้เราไม่แนะนำให้ซื้อหุ้น GE