โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์ฟอเร็กซ์จาก BK Asset Management
ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 26 กันยายน 2019
ข่าวดังระดับโลกในตอนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องการขอไต่สวนเพื่อปลดประธานาธิบดีทรัมป์ แต่ข่าวที่ใหญ่กว่านั้นสำหรับตลาดฟอเร็กซ์คือการดิ่งลงอย่างต่อเนื่องของค่าเงิน ยูโร วันนี้สกุลเงินหลักส่วนใหญ่มีการซื้อขายในระดับที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แต่หนึ่งในสกุลเงินที่ไม่อยู่ในกลุ่มดังกล่าวก็คือยูโร ยูโรเริ่มที่จะปรับค่าลงหลังจากที่ตลาดหุ้นเปิดทำการ แล้วก็ดิ่งลงแรงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงปิดตลาดที่ลอนดอน โดยมีความคิดเห็นของหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรปอย่างนายเลนเป็นตัวเสริมแรงให้เกิดการร่วงลง เขากล่าวว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะนำมาใช้ในเดือนนี้นั้น “ไม่ได้มีมากมายนัก” อีกทั้งยังเสริมอีกว่า “การที่ธนาคารกลางจะสามารถดำเนินนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ให้ได้ถึงเป้าที่กำหนดน่าจะใช้เวลาอีกนาน และธนาคารกลางยุโรปก็เตรียมพร้อมสำหรับการ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลงอีกครั้งหากมีความจำเป็น” ดังนั้นแม้ว่า รายงานจากสถาบัน IFO ของเยอรมนี ในรอบสัปดาห์นี้จะดีกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งดัชนี ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ GfK ของเยอรมนีจะมีค่าสูงขึ้น แต่ยูโรก็ยังร่วงลงอยู่ดี ผลตอบแทนหุ้นกู้ของรัฐบาลเยอรมนีก็ยังคงปรับตัวลดลง แต่ไม่ก็ไม่ลดลงแรงเท่าผลตอบแทนพันธบัตรซึ่งโดยปกติจะส่งผลดีต่อ EUR/USD แต่ปรากฏว่าในช่วง 5 วันทำการที่ผ่าน มี 4 วันที่คู่เงินคู่นี้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเพราะนักลงทุนมีความกังวลทั้งในเรื่องปัญหาของสหรัฐฯ และปัญหาของสหราชอาณาจักร คณะกรรมการนโยบายการเงินของยูโรโซนจะต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือมากกว่านี้ และหากเยอรมนียิ่งต้องรอมาตรการจัดการรายได้และภาษีของรัฐอีกนานเพียงใด โอกาสที่ EUR/USD จะลงไปแตะระดับ 1.08 ได้ก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
ผลตอบแทนพันธบัตรที่มีค่าลดลงเรื่อยๆ จนทำให้ต้องมีการปรับตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในตัวเลขจีดีพีของสหรัฐฯ ลง รวมทั้งการเทขายในตลาดหุ้นออกมาค่อนข้างมากน่าจะส่งผลเสียกับค่าเงินดอลลาร์ แต่ ดอลลาร์สหรัฐ กลับยังพุ่งขึ้นต่อได้ เนื่องจากตลาดยังคงเชื่อว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะรอดพ้นจากข้อกล่าวหาในการไต่สวนครั้งนี้ไปได้และไม่คิดว่าปัญหาทางการเมืองจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจมากมายนัก ซึ่งก็จะได้ทราบในอีกไม่นานนี้ แต่ข่าวล่าสุดที่มีให้เห็นนั้นเป็นการยืนยันการคาดการณ์ของเราได้เป็นอย่างดีว่าทำเนียบขาวกำลังพยายามเบี่ยงประเด็นในเรื่องการไต่สวนไปที่เรื่องการเจรจาทางการค้า เมื่อวานนี้ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าข้อตกลงกับจีนอาจสำเร็จได้เร็วกว่าที่หลายคนคาดไว้ วันนี้ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาวอย่างนายคุดโลว์กล่าวว่าท่าทีของจีนเป็นไปในทางที่ดี และสหรัฐฯ ก็จะไม่บังคับใช้มาตรการภาษียานยนต์ตราบใดที่สถานการณ์ยังราบรื่นดีอยู่ต่อไป เราเชื่อว่ายิ่งการไต่สวนเข้มข้นมากขึ้นเท่าใด เราก็จะยิ่งได้ยินความเห็นที่เป็นใจให้กับตลาดจากปากของทรัมป์มากขึ้นเท่านั้น ตัวเลข รายได้ส่วนบุคคล, การใช้จ่าย, การสั่งซื้อสินค้าคงทน รวมทั้งตัวเลขที่จะได้รับการปรับทั้งหลายจากรายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จากมหาวิทยาลัยมิชิแกนมีกำหนดจะประกาศออกมาให้ทราบในวันพรุ่งนี้ แต่รายงานนี้ก็ไม่น่าจะส่งผลกับค่าเงินดอลลาร์มากนัก
สกุลเงินที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในวันนี้คือดอลลาร์นิวซีแลนด์ NZD/USD ดีดตัวขึ้นได้เมื่อคืนนี้หลังจากที่ นายออร์ ประธานธนาคารกลางนิวซีแลนด์ออกมาแถลงความคิดเห็น แม้ว่าธนาคารกลางจะมีแนวทางชัดเจนว่าหากมีความจำเป็นก็จะนำมาตรการผ่อนคลายทางการเงินออกมาใช้ แต่นายออร์เชื่อว่า “ยังไม่ควรใช้นโยบายในเวลาที่ไม่เหมาะสม” เนื่องจาก “การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านมากำลังเริ่มจะมีผลกับสภาพเศรษฐกิจ” ดังนั้นเหตุผลที่มีการเทขาย NZD/USD ออกมาอย่างมากนั้นจึงเกิดจากการที่นักลงทุนต้องการเร่งขายทำกำไร อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ควรทราบคือธนาคารกลางนิวซีแลนด์ยังคงมีท่าทีประนีประนอมและยังเปิดโอกาสที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งอยู่ ดังนั้นหากต้องการให้ฟื้นตัวในครั้งนี้ยั่งยืน ข้อมูลตัวเลขที่รายงานออกมาจะต้องดีขึ้น ส่วนด้านของ ดอลลาร์ออสเตรเลีย ปิดตลาดได้ต่ำกว่าจุดสูงสุดของวันไปพอสมควรเนื่องจากดอลลาร์เริ่มได้รับโมเมนตัมเข้ามาแรงกว่า ส่วน USD/CAD ก็แทบไม่มีการเคลื่อนไหว สกุลเงินคู่นี้ขยับอยู่ในช่วงเพียง 1 เซนต์มาเกือบ 2 สัปดาห์แล้วเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ดียังสามารถชดเชย ราคาน้ำมัน ที่ลดต่ำลงได้
ด้านของ สเตอร์ลิง ยังปิดตลาดคงที่เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ดังที่ บอริส ชลอสเบิร์ก เพื่อนร่วมงานของดิฉันได้รายงานไว้ดังนี้ว่า
นายจอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรไม่ได้รู้สึกผิดใดๆ หลังจากที่แพ้คดีความในศาลสูงสุด และยังคงเดินหน้าเพื่อนำอังกฤษออกจากอียูโดยไร้ข้อตกลงต่อไป ท่าทีของความไม่สำนึกผิดเช่นนี้ทำให้เกิดผลเสียต่อดัชนีความเชื่อมั่นของตลาดจนเกือบจะลงไปแตะแนวรับสำคัญที่ระดับ 1.2300 ตลาดยังเชื่อว่าน่าจะมีหนทางในการหาข้อตกลงร่วมกันในการออกจากอียูได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรืออย่างน้อยก็ควรมีการอนุญาตให้ขยายเวลาต่อไปอีก แต่หากไม่มีใครมาบังคับให้นายจอห์นสันขอขยายเวลาแล้วล่ะก็ สหราชอาณาจักรคงต้องออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลงอย่างแน่นอน ในขณะนี้ความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวยังมีไม่มากนัก แต่ทิศทางการซื้อขายเงินปอนด์ในวันนี้นั้นแสดงให้เห็นว่าตลาดส่วนหนึ่งเริ่มมีความตื่นกลัวกับเรื่องดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว