โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์ฟอเร็กซ์จาก BK Asset Management
ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 23 กันยายน 2019
นักลงทุนฟอเร็กซ์ควรจับตามองไปที่ค่าเงินยูโร และการแถลงของธนาคารกลางที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ข้อมูลที่มีความสำคัญมากอย่างหนึ่งที่ได้ประกาศออกมาให้ทราบคือรายงานตัวเลขดัชนี PMI ของยูโรโซนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แม้ว่าเงินยูโรจะฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วจากที่ปรับลดลงไปในช่วงก่อน แต่เศรษฐกิจของยุโรปก็ไม่ได้ฟื้นกลับคืนมาได้เร็วขนาดนั้น อุตสาหกรรมภาคการผลิตในยูโรโซนหดตัวลงอย่างรวดเร็วในรอบเกือบ 7 ปีโดยดัชนีปรับตัวลดลงจาก 47 เหลือ 45.6 การชะลอตัวลงในครั้งนี้นำโดยเยอรมนีที่ ดัชนี PMI ในภาคการผลิต ลดลงไปอยู่ที่ 41.4 ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบมากกว่าทศวรรษ ส่วนดัชนีในภาคการผลิตของฝรั่งเศส ยังอยู่ในระดับปานกลาง แต่ดัชนีในภาคบริการชะลอตัวลงทั้งหมด จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าในขณะนี้เยอรมนีน่าจะกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วจริงๆ ขณะนี้จึงรอแต่เพียงตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาสที่สามที่กำลังจะประกาศออกมาว่าจะยืนยันถึงภาวะเศรษฐกิจที่กำลังหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สองจริงหรือไม่ ตัวเลขที่ปรากฏในรายงานของวันนี้แสดงให้เห็นว่ายูโรโซนกำลังจะเป็นรายถัดไป นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรปเปิดเผยว่าตัวเลขที่ปรับลดลงในวันนี้ถือว่าเป็นการลดลงที่ค่อนข้างมากและยาวนานกว่าที่คาดไว้ เขาเห็นว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่ธนาคารกลางยุโรปควรพิจารณาเพื่อเตรียมเครื่องมือสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจไว้ให้พร้อม ซึ่งก็หมายความว่าน่าจะมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินให้มากขึ้นอีกนั่นเอง
การฟื้นตัวขึ้นของ EUR/USD ภายหลังจากที่มีการรายงานดัชนี PMI ออกมาสะท้อนให้เห็นถึงความหวังของตลาดว่าเยอรมนีก็น่าจะมีการนำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาใช้ภายในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นายบอริส ชลอสเบิร์ก เพื่อนร่วมงานของเรารายงานว่า “ทางการเยอรมันยังลังเลที่จะปรับเพิ่มงบประมาณ แต่หากยิ่งรอให้เวลาผ่านเลยไปนานเท่าใด สถานการณ์ก็จะยิ่งเลวร้ายลงไปมากขึ้นเท่านั้น เห็นได้ชัดว่านโยบายทางการเงินที่นำมาใช้นั้นเริ่มไม่เห็นผล จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการในด้านการกำหนดงบประมาณของรัฐ ร่วมด้วยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น” ในวันพรุ่งนี้ รายงานจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ (IFO) ที่จะประกาศออกมาก็น่าจะอ่อนค่าลงเช่นกัน ซึ่งก็น่าจะเป็นแรงผลักดันให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินต้องเร่งดำเนินการแก้ไข ในระหว่างที่รอให้มีการประกาศใช้มาตรการควบคุมงบประมาณของรัฐอยู่นี้ แนวต้านสำหรับ EUR/USD จึงลดลงมาอยู่ที่ 1.09
แม้ว่าในช่วงสัปดาห์นี้จะมีรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ประกาศออกมาเพียงไม่กี่ตัว แต่มีข้อมูลที่มาจากธนาคารกลางอยู่หลายอย่าง ในฝั่งของสหรัฐฯ นั้นก็มีข้อมูลจากผู้ว่าการธนาคารอย่าง นายบุลลาร์ด นายวิลเลียมส์ นางดาลี นางจอร์จ นายอีวานส์ นายแคชคารี นายบาร์กิน และ นายแคปแลน ที่ได้ออกมากล่าวตามงานต่างๆ อยู่หลายแห่ง ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะพูดถึงเรื่องนโยบายทางการเงิน แต่นักลงทุนก็คอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะมีสมาชิกของคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (FOMC) กี่คนที่จะเห็นควรให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ลงอีกครั้ง ในขณะนี้เราทราบแล้วว่านายบุลลาร์ดเป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องการให้ปรับลด เพราะเขาได้โหวตให้ปรับลดดอกเบี้ยถึง 50 จุดเบสิสในเดือนกันยายน ส่วนนางจอร์จนั้นไม่เห็นด้วยให้มีการปรับลด เพราะเธอโหวตว่าไม่ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ด้านนายอีวานส์ นายแคชคารี และนายวิลเลียมส์ก็มีท่าทีประนีประนอมอยู่พอสมควร แต่นางดาลี นายบาร์กิน และนายแคปแลนยังมีความเห็นสอดคล้องกับประธานเฟด ส่วนทางด้านของนายคาร์นีย์ ประธานธนาคารกลางอังกฤษ นายคุโรดะ ประธานธนาคารกลางญี่ปุ่น และนายโลวี ประธานธนาคารกลางออสเตรเลียก็มีกำหนดการที่จะออกมากล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งหากมีการพูดถึงการนำมาตรการผ่อนคลายทางการเงินมาใช้ก็จะทำให้สกุลเงินของทั้งสามประเทศต้องผันผวนและอ่อนค่าลงได้ ด้านธนาคารนิวซีแลนด์ก็มีกำหนดที่จะแถลงนโยบายทางการเงินออกมาเช่นกัน แต่คาดกันว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในด้านนโยบายเนื่องจากในเดือนสิงหาคมได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปอย่างมากแล้วถึง 50 จุดเบสิส
ในวันนี้ ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นได้เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ ยกเว้น เยนญี่ปุ่น และ ฟรังก์สวิส การที่สหรัฐฯ ยังมีแรงกดดันเกี่ยวกับเรื่องอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งมีความไม่แน่นอนในด้านการเจรจาทางการค้ามาผสมโรงอีก ทำให้เป็นการยากที่ดอลลาร์จะสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ ดอลลาร์สหรัฐควรที่จะมีการซื้อขายกันในระดับสูงขึ้นหลังจากการประชุมของเฟดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากคณะกรรมการส่วนใหญ่ไม่เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้อง ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลงอีกในปีนี้ นายเจอโรม พาวเวลล์ ก็ยังคงปิดปากเงียบเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม USD/JPY ก็ร่วงลงอย่างหนักหลังจากที่จีนยกเลิกการเข้าเยี่ยมชมฟาร์มในสหรัฐฯ อย่างกะทันหัน ทิศทางของการเจรจาทางการค้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาแทบจะเป็นรายสัปดาห์ โดยล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าเขาไม่ต้องการให้มีการบรรลุข้อตกลงก่อนการเลือกตั้งในปี 2020 รองประธานาธิบดีเพนส์ก็กล่าวด้วยว่ายุคสมัยแห่งการยอมพ่ายแพ้ทางเศรษฐกิจนั้นได้จบสิ้นลงไปแล้ว เมื่อฟังคำพูดดังกล่าวแล้วยิ่งทำให้สังหรณ์ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนไม่น่าจะจบลงด้วยดีเลย