โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์ฟอเร็กซ์จาก BK Asset Management
ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 9 กันยายน 2019
การที่สกุลเงินหลักต่างๆ เริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นได้ในวันนี้นั้นเกิดจากการที่นักลงทุนเริ่มหันเข้าหาความเสี่ยงมากขึ้น หลังจากที่ผลตอบแทนพันธบัตรและตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวสูงขึ้น USD/JPY ก็ปรับขึ้นตามไปอยู่ที่ระดับสูงกว่า 107 แม้ว่าตัวเลข รายงานปริมาณการจ้างงาน จะยังไม่เป็นไปตามเป้ารวมทั้งยังไม่มีข้อมูลทางเศรษฐกิจอื่นๆ ของสหรัฐฯ รายงานออกมาก็ตาม ส่วน ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 10 ปี ก็สามารถปรับตัวขึ้นไปอยู่เหนือระดับ 1.6% ได้ นักลงทุนได้รับอิทธิพลจากธนาคารกลางของจีนที่ตัดสินใจปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงินลง 50 จุดเบสิส ซึ่งนับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงจากจีนเป็นหนที่สามในรอบปีนี้ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความคาดหวังว่าจะต้องมีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ตัวเลขดุลการซื้อขายล่าสุดของจีนยังคงซบเซา เพราะไม่เพียงแต่ดุลการค้าจะต่ำกว่าคาดแล้ว ปริมาณการ การนำเข้า และ ปริมาณการส่งออก ก็ยังลดลงอีกด้วย ในขณะที่ปริมาณการส่งออกโดยรวมลดลงไปเพียง 1% แต่การส่งออกไปยังสหรัฐฯ ลดลงถึง 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงที่ความตึงเครียดทางการค้ายังคงดำเนินอยู่ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาวกล่าวว่าการเจรจาทางโทรศัพท์กับจีนในช่วงต้นสัปดาห์ “เป็นไปอย่างราบรื่นดี” ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่เรายังคงไม่สามารถแน่ใจได้ว่า “การเจรจา” ดังกล่าวนั้นมีความคืบหน้าจริง จนกว่าจะเห็นว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีที่ใช้กับจีนนั้นจะได้รับการลดหย่อนหรือยกเว้นเสียก่อน ดังนั้นในช่วงเวลาเพียงสัปดาห์เศษๆ ก่อนที่จะมี การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ เช่นนี้ USD/JPY น่าจะปรับลดลงได้อีกไม่มาก ในขณะที่ดอลลาร์ ออสเตรเลีย และดอลลาร์ นิวซีแลนด์ น่าจะปรับตัวสูงขึ้นได้ เว้นเสียแต่ว่าจะมีข่าวในทางลบเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าเกิดขึ้นมาในระหว่างนี้อีก
สัปดาห์นี้ประเด็นหลักๆ จะอยู่ที่เงินยูโร การประชุมของธนาคารกลางยุโรปที่จัดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาทำให้เราเชื่อว่าเงินยูโรจะยังคงได้รับแรงกดดันอยู่เหมือนเดิม แม้ว่าตัวเลขรายงานทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลเยอรมนีเชื่อว่าเป็นตัวกระตุ้นที่ดีจะทำช่วยให้ EUR/USD ปรับตัวขึ้นมาได้ในวันนี้ก็ตาม ดุลการค้า และ ดุลบัญชีเดินสะพัด ของเยอรมนียังคงแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่คาดไว้อย่างมากเนื่องจากมี ปริมาณการส่งออก ที่สูงขึ้น ขัดกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะมีปริมาณลดลง และที่สำคัญกว่านั้นคือนายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวไว้ว่าการปรับงบประมาณยังคงทำได้หากสถานการณ์เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ มีรายงานว่าเยอรมนีอาจเตรียม “งบประมาณสำรอง” เอาไว้เพื่อเพิ่มการลงทุนในภาครัฐ จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่าเยอรมนีค่อนให้ความสำคัญกับการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในระยะยาวอย่างจริงจัง
ด้านเงิน สเตอร์ลิง ยังมีการซื้อขายกันได้สูงขึ้นหลังจากที่สภานิติบัญญัติของอังกฤษอนุมัติร่างกฎหมายป้องกันการแยกตัวออกจากอียูโดยไร้ข้อตกลงอย่างเป็นทางการ อังกฤษจึงถูกบังคับให้ต้องกลับไปขอเลื่อนเส้นตายในการออกจากสหภาพยุโรปออกไปอีก หากไม่สามารถยื่นข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อให้ผ่านได้ภายในวันที่ 19 ตุลาคม การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการดำเนินการครั้งสุดท้ายของรัฐสภาก่อนที่จะปิดสมัยประชุมในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ปัญหาก็คือรัฐบาลกำลังพยายามต่อต้านร่างกฎหมายเพื่อขอแยกตัวออกจากอียูอย่างไร้ข้อตกลงจนถึงที่สุด และมีการเตรียมตัวแก้ไขสถานการณ์ไว้ “ประมาณ 20 วิธี” รวมไปถึงการเพิกเฉยกับร่างกฎหมายดังกล่าวไปดื้อๆ โดยไม่สนใจกฎหมายซึ่งก็ถือว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างสูงทีเดียว รวมถึงการส่งหนังสือเพื่อแจ้งให้อียู “เพิกเฉยต่อข้อเรียกร้อง” ดังกล่าว ซึ่งก็อาจทำให้อียูตอบโต้หนักขึ้นหรืออาจจะชะลอการพิจารณาร่างกฎหมายเปลี่ยนแปลงกฎหมายรัฐสภาได้อย่างง่ายดายด้วยการใช้เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมเท่านั้นเอง แม้ว่า ตัวเลขรายงานตลาดแรงงาน ของสหราชอาณาจักรซึ่งมีกำหนดจะประกาศในวันพรุ่งนี้นั้นน่าจะออกมาแย่ลงกว่าเดิมเมื่อพิจารณาจากดัชนี PMI ประเด็นของ Brexit ก็ยังจะเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจมากกว่าเรื่องอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้อยู่ดี