เงินปอนด์ยังคงร่วงลงอีกครั้ง ทำให้ดอกเบี้ยพันธบัตรของอังกฤษปรับลดลงไปทำสถิติต่ำสุดตามไปด้วย หลังจากนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เปิดเผยว่าได้เตรียมแผนการในการนำอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปให้ได้ตามกำหนดการที่วางไว้ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้
กราฟรายเดือนของ GBP/USD ในช่วงปี 2009-2019
นายจอห์นสันได้ขอพระราชทานพระราชานุญาตจากสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษเมื่อวันพุธที่ผ่านมาให้มีการเปิดสมัยประชุมสภาอีกครั้งในวันที่ 14 ตุลาคม และสภาจะถูกปิดหรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า “การพักสมัยประชุมสภา” ในช่วงนี้จนกว่าจะถึงกำหนดเปิดสมัยประชุมสภาอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้สมาชิกไม่มีเวลาในการออกกฎหมายเพื่อยับยั้งความพยายามของนายจอห์นสันในการนำอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป
การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นการหยุดการขัดขวางการนำอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปของสมาชิกสภาจากพรรคอนุรักษ์นิยมของนายจอห์นสันเองที่อ้างว่าทำเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร และยิ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปอย่างไร้ข้อตกลงได้มากขึ้น
กราฟรายเดือนของ GBP/EUR
กราฟทั้งหมดสร้างโดย TradingView
เงินปอนด์ปรับตัวลงเกือบหนึ่งเซนต์เมื่อเทียบกับเงิน ยูโร ไปแตะที่ระดับ 1.1004 ในเวลา 07.00 น. ตามเวลา ET และปรับลดลงไปประมาณเดียวกันเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ไปอยู่ที่ระดับ $1.2203 นักลงทุนจึงเริ่มหันไปหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงกว่าอย่างพันธบัตรรัฐบาล ทำให้ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษรุ่น อายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงประมาณ 4 จุดเบสิสไปอยู่ที่ 0.46% เหนือกว่าจุดต่ำสุดตลอดกาลที่เคยลงไปถึงในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาเพียง 6 จุดเบสิสเท่านั้น
นายโฮลเกอร์ ชไมดิง หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของธนาคาร Berenberg เขียนไว้ในรายงานต่อลูกค้าว่า “การพักสมัยประชุมสภาจะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการแยกตัวของอังกฤษออกจากอียูโดยไร้ข้อตกลงและอาจทำให้ประเทศมีโอกาสเกิดวิกฤติสูงขึ้นด้วย”
นักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่าเงินสเตอร์ลิงในขณะนี้มีการซื้อขายกันอยู่ในระดับที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ ซึ่งความเสี่ยงขาลงดังกล่าวจะยังพอให้นักลงทุนในตลาดมีเวลาปรับความคาดหวังให้เหมาะสมในช่วงที่นายบอริสกำลังคุมเกมอยู่เช่นนี้ได้ แต่โอกาสที่จะผิดหวังก็มีอยู่สูงมาก รัฐบาลอังกฤษสมัยที่อยู่ภายใต้การบริหารของนางเทเรซา เมย์เคยแย้งว่าอังกฤษจะอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิมไม่ว่าจะแยกตัวออกจากอียูในรูปแบบใดก็ตาม แต่การออกโดยไม่มีข้อตกลงนั้นจะส่งผลเสียมากที่สุด
นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley แย้งว่าเงินปอนด์อาจจะร่วงลงไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์หากอังกฤษออกจากอียูโดยไร้ข้อตกลง ส่วนนักวิเคราะห์จาก JP Morgan นำโดยนายมีรา แชนแดนได้ให้คำแนะนำเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาให้นักลงทุนเตรียมรับมือความเสี่ยงในครั้งนี้ด้วยการลงทุนในพุทออปชัน
การเคลื่อนไหวของนายจอห์นสันในครั้งนี้หมายความว่าสภาจะเปิดสมัยประชุมอีกครั้งในสัปดาห์หน้านี้จะต้องถูกพักไปเป็นเวลาราวสามสัปดาห์ตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงวันที่อังกฤษมีกำหนดจะออกจากอียู การดำเนินการในวันนี้จึงน่าจะเป็นการทำให้การโต้แย้งหรือออกกฎหมายสกัดกั้นไม่ให้อังกฤษออกจากอียูก่อนวันที่ 31 ตุลาคมนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการออกจากอียูโดยไร้ข้อตกลงนั้นก็ได้มีการประชุมร่วมกันอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเพื่อหาทางหยุดยั้งด้วยการใช้กฎหมายใหม่ ด้วยการจัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อปฏิเสธพรรคเสรีประชาธิปไตยและต่อต้านพรรคอนุรักษ์นิยมเพื่อสนับสนุนให้นายเจเรมี คอร์บิน ผู้นำฝ่ายซ้ายจัดให้มารักษาการนายกรัฐมนตรีแทน
ในขณะที่นายจอห์นสันกำลังพยายามผลักดันอย่างสุดแรงให้อังกฤษออกจากอียูให้ได้จนใกล้ความเป็นจริงเข้าไปทุกที สกุลเงินปอนด์ร่วงไปทำสถิติต่ำสุดในรอบ 30 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แม้ว่าผลสำรวจทั้งจากประชาชนและสมาชิกสภาจะไม่เคยมีการสนับสนุนให้มีการออกจากอียูแบบ “ไร้ข้อตกลง” เลยก็ตาม สมาชิกในพรรคอนุรักษ์นิยมที่ไม่สนับสนุนให้นายจอห์นสันทำเช่นนี้ก็ไม่สามารถต้านทานกระแสภายในของพรรคได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันอังคารทำให้เงินปอนด์ดีดตัวขึ้นไปอยู่ที่ $1.2309 แต่ก็อ่อนแรงลงอย่างรวดเร็วเหมือนเช่นเคยเนื่องจากมีข่าวว่านายจอห์นสันมีการเตรียมความพร้อมนำฝ่ายต่อต้านไปอย่างน้อยหนึ่งก้าวเสมอ
นายจอห์น เบอร์คาว โฆษกสภาผู้แทนราษฎรผู้กำหนดวาระการประชุมสภาเป็นรายวันได้เรียกการดำเนินการดังกล่าวว่าเป็น “การทำลายล้างรัฐธรรมนูญ”
โดยเขาได้กล่าวในรายงานว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าการพักสมัยประชุมจะเป็นการหยุดยั้งไม่ให้มีการโต้แย้งในเรื่อง Brexit และไม่ให้สภากำหนดแนวทางการบริหารประเทศ”
นายชมีดิงจากธนาคาร Berenberg ออกมาเตือนว่าอย่าเพิ่งตายใจว่าจะเกิดสถานการณ์ใดๆ ขึ้นหลังจากการดำเนินการดังกล่าวของนายจอห์นสัน
เขากล่าวว่า “สาเหตุที่นายกรัฐมนตรีต้องพักสมัยการประชุมสภาเนื่องจากเขาขาดเสียงสนับสนุนในนโยบายของตนเองที่ต้องการผลักดันให้อังกฤษออกจากสภาพยุโรป ซึ่งไม่ใช่สัญญาณของความแข็งแกร่งแต่อย่างใด”