หุ้น 3 ตัวที่น่าสนใจในช่วงที่เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลด อัตราดอกเบี้ย ลงในเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเป้าหมายลง 25 จุดเบสิสเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับ “สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก” อย่างเช่น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะยังไม่หยุดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียงเท่านี้ และนักลงทุนในตลาดสัญญาซื้อขายดอกเบี้ยนโยบายยังเชื่อว่าจะมีการปรับลดลงอีก 25 จุดเบสิสในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
เครื่องมือแสดงผลอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ จาก Investing.com
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะช่วยให้หุ้น 3 ตัวต่อไปนี้ได้รับประโยชน์และให้ผลตอบแทนที่ดีในตลาดได้
1. AT&T หุ้นที่มีอัตราเงินปันผลสูง
AT&T (NYSE:T) คือหุ้นของบริษัทโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งปรับตัวขึ้นมาในปีนี้แล้วถึงเกือบ 19% โดยปิดตลาดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาที่ระดับ $33.96 โดยมีราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ซึ่งทำได้ในวันที่ 30 กรกฎาคมอยู่ที่ $34.64 ทำให้บริษัทมีมูลค่าตลาดในปัจจุบันอยู่ที่ 247,000 ล้านเหรียญ
กราฟหุ้น T
หุ้นปันผลขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพสูงมักจะมีผลการดำเนินการที่ดีในสภาวะที่ดอกเบี้ยต่ำหรือมีอัตราลดลง หุ้นสื่อสารโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่รายนี้ได้ประกาศเงินปันผลประจำไตรมาสจำนวน $0.51 ต่อหุ้น ซึ่งเทียบเท่ากับเงินปันผล $2.04 ต่อหุ้นต่อปี อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของหุ้น AT&T ปัจจุบันอยู่ที่ 5.97% ซึ่งนับว่าสูงกว่าผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 ที่ระดับ 2.04% ถึงเกือบสามเท่า
บริษัทยักษ์ใหญ่ในเมืองดัลลัส เท็กซัสแห่งนี้รายงาน ผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ออกมาในวันที่ 24 กรกฎาคม โดย AT&T สามารถทำกำไรต่อหุ้น (EPS) ได้ตามคาดที่ $0.89 และมียอดขายประจำไตรมาสอยู่ที่ 44,960 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าและเกินกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ที่ 44,890 ล้านเหรียญไปเล็กน้อย
AT&T คาดว่าจะสามารถสร้างกระแสเงินสดหมุนเวียนได้ 28,000 ล้านเหรียญ ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ในครั้งก่อนถึง 2,000 ล้านเหรียญ
บริษัทนี้เคยถูกเพ่งเล็งว่าจะสามารถลดภาระหนี้สินลงได้หรือไม่หลังจากทีเข้าซื้อบริษัทสื่อและบันเทิงอย่าง Time Warner ในเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา บริษัทได้ชำระหนี้ในไตรมาสที่ 2 ไปทั้งสิ้น 6,800 ล้านเหรียญ และยืนยันว่าจะสามารถลดหนี้สินที่มีให้เหลือราว 150,000 ล้านเหรียญได้ภายในสิ้นปีนี้
นายแรนดอล สตีเฟนสัน ประธานบริหารบริษัทกล่าวว่า “หนี้สินของเราจะลดลงไปอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลภายในสิ้นปีนี้ และผมคิดว่าเราจะเริ่มซื้อหุ้นบางส่วนกลับเข้ามาได้ในปีนี้ และกระแสเงินสดก็น่าจะเริ่มดีขึ้นเช่นกัน”
2. Duke Energy หุ้นปันผลในกลุ่มสาธารณูปโภคที่น่าสนใจ
หุ้นของบริษัทสาธารณูปโภคยักษ์ใหญ่ทางด้านไฟฟ้าและแก๊สธรรมชาติของสหรัฐฯ อย่าง Duke Energy (NYSE:DUK) เป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งที่น่าจับตามองในช่วงที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเช่นนี้ โดยทั่วไป หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคมักจะมีผลการดำเนินการที่ดีขึ้นในช่วงที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากให้ผลตอบแทนในอัตราสูง
หุ้นของบริษัทในเมืองชาร์ลอตต์ นอร์ทแคโรไลนาแห่งนี้ปิดตลาดเมื่อคืนนี้ที่ระดับ $88.92 ซึ่งห่างจากราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่เคยทำได้ในวันที่ 9 กรกฎาคมที่ระดับ $90.27 อยู่เพียงเล็กน้อย ทำให้บริษัทมีมูลค่าตลาดรวมในปัจจุบันอยู่ที่ 64,700 ล้านเหรียญ
กราฟราคาหุ้น DUK
ในเดือนกรกฎาคม Duke Energy ประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลขึ้นเกือบ 2% เป็น $0.945 ต่อหุ้น ซึ่งเท่ากับ $3.78 ต่อหุ้นต่อปีหรือคิดเป็น 4.29% ต่อปี และนับว่าเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูงสุดตัวหนึ่งของหุ้นใน กลุ่มสาธารณูปโภค ทั้งหมดเลยทีเดียว
จากการรายงาน ผลประกอบการประจำไตรมาส 2 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดขายและกำไรได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.12 ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่เพียง $0.98 และยังเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ $0.93 ส่วนรายได้ก็ปรับขึ้นไปแตะ 5,800 ล้านเหรียญ เหนือกว่าที่คาดไว้ที่ระดับ 5,770 ล้านเหรียญและสูงกว่ารายได้ของปีก่อนหน้าซึ่งทำได้ 5,610 ล้านเหรียญ
ลินน์ กู๊ด ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหารกล่าวในรายงานว่า “ในปีนี้เรามีรายได้ที่มากขึ้น รวมทั้งการจ่ายเงินปันผลก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน เรายังสามารถดำเนินงานไปตามแนวทางที่กำหนดไว้และทำรายได้ได้ตามตัวเลขที่คาดการณ์ของปี 2019 และจะรักษาการเติบโตของรายได้ให้ได้ 4-6 เปอร์เซ็นต์ในระยะยาวต่อไป”
3. Eldorado Gold หุ้นที่มีการเติบโตสูงเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส
หุ้นตัวสุดท้ายที่จะแนะนำให้ซื้อในช่วงที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นหุ้นในกลุ่มเหมือง ทองคำ เมือ่ใดก็ตามที่มีการคาดการณ์กันว่าจะมีการนำนโยบายกระตุ้นทางการเงินออกมาใช้หรือมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมักจะ ส่งผลดีกับทองคำ ซึ่งปัจจุบันมีการซื้อขายกันอยู่ในระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2013 เป็นต้นมา
บริษัท Eldorado Gold (NYSE:EGO) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแวนคูเวอร์ บริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ปัจจุบันหุ้นของบริษัททำผลงานได้โดดเด่นกว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยมูลค่าหุ้นของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมาได้ถึง 175% และไปปิดตลาดเมื่อวานนี้อยู่ที่ $8.57 หลังจากที่สามารถไต่ไปแตะจุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ได้ที่ระดับ $8.99 ในช่วงก่อนปิดตลาดวันเดียวกัน
กราฟหุ้น EGO
บริษัทเหมืองทองคำแห่งนี้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสออกมาในวันที่ 1 สิงหาคมว่ามี รายได้ประจำไตรมาส 2 อยู่ที่ 173.7 ล้านเหรียญ ซึ่งนับว่าเป็นการเติบโตของรายได้เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าอย่างก้าวกระโดดถึง 117%
บริษัทได้รับประโยชน์ทั้งจากการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำและยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้น ยอดขายในไตรมาสที่ 2 ของบริษัท Eldorado เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) ไปอยู่ที่ 113,685 ออนซ์ ในขณะที่ราคาทองคำเฉลี่ยสูงขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนไปอยู่ที่ $1,321 ต่อออนซ์
ในอนาคต Eldorado ย้ำว่าบริษัทวางเป้าหมายการผลิตทองคำตลอดปี 2019 ไว้ที่ 390,000-420,000 ออนซ์ โดยมีต้นทุนแบบ AISC อยู่ที่ 900-1000 เหรียญต่อออนซ์
ผลงานของบริษัท Eldorado Gold ยังน่าที่จะไปต่อได้อย่างสวยงามตราบใดที่ราคาทองคำยังพุ่งขึ้นต่อไป