บทความนี้เขียนให้กับ Investing.com เท่านั้น
บริษัท Apple รายงาน ผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ในวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมาด้วยตัวเลขที่ดีเกินคาด รวมทั้งยอดขายที่คาดการณ์ก็สูงกว่าที่คิดเอาไว้ หลังจากที่มีการประกาศผลประกอบการดังกล่าว หุ้นของบริษัทก็ดีดตัวสูงขึ้นในช่วงแรกก่อนที่จะอ่อนแรงลงในช่วงที่สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนปะทุขึ้นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามหุ้นของ Apple (NASDAQ:AAPL) น่าจะยังพุ่งขึ้นต่อไปได้อีกแม้ว่าสถานการณ์ความตึงเครียดจะยังมีมากอยู่ก็ตาม
ในสถานการณ์ที่ยอดขายไอโฟนและตลาดจีนค่อนข้างอ่อนตัวลง ผลประกอบการของ Apple ในไตรมาสนี้กลับดีขึ้นจากผลิตภัณฑ์นาฬิกาและบริการต่างๆ ของ Apple ที่เข้ามาช่วยต่อลมหายใจไว้ได้
ทิศทางรายได้ในอนาคตของ Apple เริ่มแปรผันออกจากวงจรการขายโทรศัพท์ไปเป็นรูปแบบธุรกิจและบริการที่คาดการณ์ได้ง่ายและเป็นแบบเชิงเส้นมากขึ้นซึ่งน่าจะส่งผลให้ราคาหุ้นเมื่อเทียบกับกำไรของ Apple มีค่าสูงขึ้น ซึ่งก็จะเริ่มเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหุ้นในกลุ่มบริการสำหรับผู้บริโภคตัวอื่นๆ
รายได้, กำไรต่อหุ้น, ตัวเลขคาดการณ์
ธุรกิจไอโฟนมีลักษณะเป็นวงจร
ธุรกิจไอโฟนนับว่าเป็นธุรกิจที่มีลักษณะเป็นวงจรมาตั้งแต่แรกเริ่มและมีกำไรขั้นต้นค่อนข้างต่ำ จึงเป็นสาเหตุที่นักลงทุนมักจะไม่สนใจซื้อหากหุ้นมีอัตราราคาเทียบกับกำไรที่ค่อนข้างสูง เมื่อพิจารณาจากเดือนตุลาคม 2015 เป็นต้นมาจะเห็นว่าหุ้นของ Apple มีอัตราราคาเทียบกับกำไรที่คาดการณ์ 1 ปีล่วงหน้าอยู่ในช่วง 9 ถึง 17
อย่างไรก็ตาม การที่ Apple เริ่มค่อยๆ ปรับรูปแบบธุรกิจไปเป็นรูปแบบของบริการเชิงเส้นมากขึ้นและเริ่มถอยออกจากวงจรธุรกิจของไอโฟนอาจจะทำให้นักลงทุนเริ่มหันมาสนใจที่จะซื้อหุ้นของบริษัทที่มีอัตราราคาต่อกำไรสูงมากขึ้นได้ ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่อัตรา PE ที่คาดการณ์ 1 ปีล่วงหน้ากำลังขึ้นไปแตะที่ระดับ 17 อย่างในตอนนี้ก็เป็นได้
หรือเกือบ 18 ณ วันที่ 5 สิงหาคม
การขยายตัวของอัตราราคาต่อกำไร
เมื่อพิจารณาจากหุ้นชั้นนำ 25 ตัวในกลุ่มสินค้าจำเป็นสำหรับผู้บริโภค SPDR (NYSE:XLP) และ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (NYSE:XLY) อัตราส่วน PE โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 20.5 และมีค่ามัธยฐานที่ 19.9 อัตราส่วน PE ที่อยู่ในช่วง 20 ประกอบกับตัวเลขที่คาดการณ์ของนักวิเคราะห์ประจำปี 2020 ที่ระดับ $12.74 ต่อหุ้น หุ้นของ Apple ควรจะมีมูลค่าอยู่ที่ราว $255 ซึ่งสูงกว่าราคาปิดเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ระดับ $204.02 อยู่เกือบ 25%
ผลิตภัณฑ์นาฬิกาและบริการอื่นๆ ของ Apple
ในช่วงไตรมาส 3 Apple รายงานว่าบริษัทมีรายได้ในธุรกิจบริการสูงขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเมื่อใช้อัตราแลกเปลี่ยนคงที่และไม่นำยอด 236 ล้านเหรียญมารวมด้วยจะคิดเป็น 11,500 ล้านเหรียญ รายได้ที่เกิดจากธุรกิจบริการของบริษัทคิดเป็นอัตราส่วนมากกว่า 20% ของรายได้ทั้งหมดของของบริษัทในไตรมาสนี้ซึ่งมีค่าอยู่ที่ 53,800 ล้านเหรียญ
ผลิตภัณฑ์นาฬิกา ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้าน และเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งของ Apple ที่เติบโตได้อย่างแข็งแรง โดยบริษัทสามารถทำรายได้ในกลุ่มธุรกิจนี้ได้เพิ่มขึ้นราว 50% จากที่เคยทำได้ 3,700 ล้านเหรียญในปีก่อนหน้า กลายมาเป็น 5,500 ล้านเหรียญในปีนี้ เมื่อนำรายได้ในธุรกิจบริการรวมกับผลิตภัณฑ์นาฬิกาจะคิดเป็น 31.5% ของรายได้ทั้งหมดของ Apple ซึ่งนับว่าสูงที่สุดตั้งแต่เคยทำมา
ยอดขายผลิตภัณฑ์นาฬิกาและบริการต่างๆ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายทั้งหมด
ยอดขายไอโฟนร่วง
ยอดขายไอโฟนซึ่งคิดเป็น 48% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาสนี้ถือว่าเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2016 เป็นต้นมา จากที่เคยทำได้สูงสุดที่ราว 70% ในไตรมาสแรกของปี 2018 ไอโฟนจึงเริ่มมีความสำคัญกับยอดขายในอนาคตของบริษัทลดลงเรื่อยๆ
ยอดขายไอโฟนคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายทั้งหมด
หากผลิตภัณฑ์นาฬิกาและบริการต่างๆ ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีเช่นนี้ต่อไป Apple ก็น่าจะลดการพึ่งพายอดขายจากไอโฟนในอนาคตลงอย่างแน่นอน และก็น่าจะทำให้นักลงทุนพร้อมที่จะซื้อหุ้นที่มีอัตราราคาต่อกำไรสูงมากขึ้นด้วยเช่นกัน
หุ้นของ Apple (NASDAQ:AAPL) ยังไม่น่าจะมีการซื้อขายเท่ากับหุ้นในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยตัวอื่นๆ ที่มีอัตราส่วน PE ในช่วง 25-29 เนื่องจากไอโฟนยังคงเป็นธุรกิจสำคัญของบริษัท ดังนั้นกำไรและรายได้ของบริษัทย่อมจะมีช่วงที่ขึ้นลงตามรอบวงจรเหมือนอย่างเคย แต่การที่ธุรกิจในส่วนผลิตภัณฑ์นาฬิกาและบริการอื่นๆ เติบโตได้ดีขึ้นย่อมทำให้หุ้นของบริษัทในปีหน้ามีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้อีกมาก
ข้อเท็จจริง: ไมเคิล เครเมอร์และลูกค้าของบริษัท Mott Capital เป็นผู้ถือหุ้นของ Apple
การปฏิเสธความรับผิด: Mott Capital Management, LLC เป็นบริษัทผู้ให้คำแนะนำด้านการลงทุนที่ได้รับการจดทะเบียนแล้ว ข้อมูลในบทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการให้ความรู้เท่านั้นโดยไม่ได้มีเจตนาที่จะนำเสนอหรือชักชวนให้มีการขายหรือซื้อหลักทรัพย์ การลงทุน หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ ทั้งสิ้น การลงทุนมีความเสี่ยงและไม่สามารถรับประกันได้ เว้นเสียแต่จะมีการยืนยันไว้เช่นนั้น โปรดติดต่อผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินที่ได้รับการรับรอง และ/หรือ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษีมืออาชีพก่อนที่ดำเนินการตามกลยุทธ์ที่แนะนำไว้ในบทความนี้ ที่ปรึกษาจะรวบรวมคำแนะนำในช่วงสิบสองเดือนที่ผ่านมาให้หากมีการร้องขอเข้ามา อย่างไรก็ตามผลงานในอดีตไม่สามารถเป็นเครื่องพิสูจน์ผลลัพธ์ที่จะเกิดในอนาคตได้