มหกรรมลดราคา Black Friday เริ่มต้นขึ้นแล้ว ตอนนี้! ห้ามพลาดกับส่วนลดสูงสุดถึง 60% InvestingProรับส่วนลด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 46.46 จุด หวั่นวิกฤตภาคธนาคารสหรัฐ

เผยแพร่ 02/05/2566 13:26
© Reuters.  ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 46.46 จุด หวั่นวิกฤตภาคธนาคารสหรัฐ

InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (1 พ.ค.) ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารของสหรัฐ หลังมีรายงานว่าเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เข้าซื้อกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ซึ่งประสบปัญหาสภาพคล่อง ขณะเดียวกันนักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,051.70 จุด ลดลง 46.46 จุด หรือ -0.14%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,167.87 จุด ลดลง 1.61 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,212.60 จุด ลดลง 13.99 จุด หรือ -0.11%

สำนักงานคุ้มครองการเงินและนวัตกรรมแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (DFPI) ได้สั่งปิดกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (FRB) เมื่อวานนี้ และได้บรรลุข้อตกลงขายกิจการของ FRB ให้กับเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว เจพีมอร์แกนได้เข้าครอบครองเงินฝาก 9.2 หมื่นล้านดอลลาร์ของ FRB รวมถึงเงินกู้อีก 1.73 แสนล้านดอลลาร์ และหลักทรัพย์ 3 หมื่นล้านดอลลาร์

ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคร่วงลงอย่างหนัก และส่งผลให้ดัชนี KBW Regional Banking Index ร่วงลง 2.7% โดยหุ้นซิติเซนส์ ไฟแนนเชียล คอร์ป ร่วงลง 6.85% หุ้นพีเอ็นซี ไฟแนนเชียล เซอร์วิส กรุ๊ป ดิ่งลง 6.33% หุ้นทรูอิสต์ ไฟแนนเชียล คอร์ป ร่วงลง 3.22% หุ้นยูเอส แบงคอร์ป ร่วงลง 3.91% หุ้นแวลลีย์ เนชันแนล แบงคอร์ป ทรุดตัวลง 19.72%

ทิม กริสคีย์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Ingalls & Snyder ในรัฐนิวยอร์ก แสดงความเห็นว่า การที่เจพีมอร์แกนเข้าซื้อกิจการ FRB อาจช่วยบรรเทาวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจรับรองได้ว่าวิกฤตการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในวันข้างหน้า ซึ่งมุมมองดังกล่าวเป็นปัจจัยกดดันตลาด อย่างไรก็ดี รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนเมื่อไม่กี่วันมานี้ ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงตลาด

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลง 1.4% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.1% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.81% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ลดลง 0.35%

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 2-3 พ.ค.นี้ โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% และให้น้ำหนักเพียง 14.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเม.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย