ดาวโจนส์ดีดขึ้น หลังเฟดเผยจะหยุดเร่งขึ้นอัตราขนาดใหญ่ "เร็วๆนี้"

โดย Yasin Ebrahim

Investing.com -- ดัชนีดาวโจนส์ปิดสูงขึ้นในวันพุธ เนื่องจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนแสดงให้เห็นการสนับสนุนการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย "เร็ว ๆ นี้" ในช่วงเวลาที่ข้อมูลยังคงบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 0.28% หรือ 96 จุด Nasdaq เพิ่มขึ้น 1% และ S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.6%

รายงานการประชุมของเฟดระบุว่า “เจ้าหน้าที่ในที่ประชุมส่วนใหญ่ตัดสินว่าการชะลอการเพิ่มขึ้นอัตราน่าจะเหมาะสมในเร็ว ๆ นี้” 

คำใบ้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการชะลอตัวของอัตราดอกเบี้ยช่วยยืนยันความคาดหวังของนักลงทุนว่าธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตรา 50 จุดพื้นฐานในการประชุมเดือนธันวาคม

“เราคาดว่าเฟดจะขึ้นอีก 50bp ในเดือนธันวาคม และจากนั้นจะขึ้นเพียง 25bp ในเดือนมกราคม โดยไม่มีการปรับขึ้นอีก” Pantheon Macroeconomics กล่าวในบันทึกหลังการประชุมเฟด

การเดิมพันเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ช้าลงเกิดขึ้นจากข้อมูลในวันพุธที่แสดงให้เห็นกิจกรรมที่อยู่อาศัยการผลิตและบริการอ่อนแอกว่าที่คาดไว้

อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรย่อตัวลงในแดนลบหลังจากเผยบันทึกการประชุม ปูทางสำหรับภาคการเติบโตของตลาด ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจของผู้บริโภคและเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลกำไรในช่วงเช้า

Alphabet (NASDAQ:GOOGL) และ Microsoft (NASDAQ:MSFT) หนุนตลาดในภาคเทคโนโลยี โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% Apple (NASDAQ:AAPL) เพิ่มขึ้นน้อยกว่า 1% แม้ว่าความกังวลด้านอุปทานของ iPhone ยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางการล็อกดาวน์จาก Covid-19 ที่ Foxconn ซัพพลายเออร์ของ Apple ในจีน 

แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับอุปทาน แต่ก็ยังเห็นการอัปเกรด iPhone ที่ "แข็งแกร่ง" จาก AT&T และ Verizon และยอดจับจ่ายในร้านนั้น "มั่นคง" Wedbush กล่าวในหมายเหตุ

ในขณะเดียวกัน หุ้นผู้บริโภคถูกหนุนสูงขึ้นโดยการเพิ่มขึ้นมากกว่า 7% ใน Tesla (NASDAQ:TSLA) หลังจากที่ Citigroup อัปเกรดหุ้นให้เป็นกลาง(neutral )จากเดิมสถานะ ขาย(sell) โดยอ้างถึงการประเมินมูลค่าที่สมดุลมากขึ้นหลังการกลับตัวของหุ้นล่าสุด

ในขณะเดียวกันรายได้ก็ส่งผลประกอบการรายไตรมาสที่หลากหลาย

Deere & Company (NYSE:DE) แสดงแนวโน้มทั้งปีโดยชี้ไปที่ความต้องการอย่างต่อเนื่องหลังจากรายงานผลลัพธ์รายไตรมาส ซึ่งสูงกว่าประมาณการของ Wall Street โดยส่งหุ้น สูงขึ้นมากกว่า 6%

Nordstrom (NYSE:JWN) ลดลง 5% เนื่องจาก ผลประกอบการรายไตรมาส ดีกว่าที่คาดไว้ซึ่งถูกชดเชยด้วยยอดขายที่ชะลอตัวซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าห้างสรรพสินค้าอาจต้องเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการขาย  

“เราต้องดิ้นรนเพื่อดูว่า JWN จะบรรลุผลต่าง EBIT โดยนัยที่ 7.9% ถึง 9.1% ในไตรมาสที่ 4 ได้อย่างไร” Credit Suisse กล่าวในหมายเหตุ

หุ้นกลุ่มพลังงานพยายามแรลลี่ด้วย แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ท่ามกลางข้อมูลที่แสดงการลดลงมากกว่าที่คาดของน้ำมันคงคลังสหรัฐฯรายสัปดาห์ และรายงานว่ากลุ่มประเทศ G7 กำลังประเมินระยะห่างของราคาน้ำมันของรัสเซียที่อยู่ในช่วง 65 ถึง 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

Schlumberger NV (NYSE:SLB), ConocoPhillips (NYSE:COP) และ Halliburton (NYSE:HAL) ถ่วงตลาดที่สุดจากภาคนี้