โดย Ambar Warrick
Investing.com - หุ้นเอเชียซื้อขายด้วยความผันผวนในวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนรอผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ เพื่อหาสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในขณะที่หุ้นจีนร่วงลงต่อเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอมากขึ้น
ดัชนีหุ้นบลูชิพของจีน CSI 300 ลดลง 0.9% ในขณะที่ดัชนี เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ลดลง 0.5% หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ดัชนีผู้ผลิต (PPI) ของจีนหดตัวลง ครั้งแรกในรอบปี ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ก็เติบโตน้อยกว่าที่คาด เนื่องจากการล็อกดาวน์ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในท้องถิ่น
ข้อมูลที่น่าผิดหวังทำให้ความเชื่อมั่นต่อตลาดจีนแย่ลง ท่ามกลางความหวังที่ลดลงว่าจีนจะลดความเข้มงวดของมาตรการโควิด
ขณะนี้ จีนกำลังดิ้นรนกับการระบาดของโควิด19 ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ซึ่งทำให้ทางการต้องใช้มาตรการควบคุมการเคลื่อนไหวในศูนย์กลางเศรษฐกิจหลายแห่ง สิ่งนี้ยังทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อประเทศลดลงอย่างมาก โดยคาดว่าตลาดหุ้นในประเทศจะขาดทุนจากการทำกำไรอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว
ตลาดหุ้นฮ่องกงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากความเชื่อมั่นที่มีต่อจีนที่แย่ลง โดยดัชนี ฮั่งเส็ง ร่วงลง 1.5%
แต่หุ้นอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงเป็นจุดสว่างเพียงจุดเดียว หุ้นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อย่าง Country Garden Holdings Company Ltd (HK:2007) Gemdale Corp (SS:600383)p และ Beijing Capital Co Ltd (SS:600008) เพิ่มขึ้นระหว่าง 6% ถึง 15% เนื่องจากรัฐบาลได้ขยายโครงการจัดหาเงินทุนสนับสนุนในภาคที่มีปัญหา
การซื้อขายตลาดเอเชียอื่น ๆ ยังคงเป็นรูปแบบผสม ตลาดหุ้นที่มีบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังคงได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่มีต่อ เฟดที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในขนาดที่เล็กลง ดัชนี Taiwan Weighted เพิ่มขึ้น 2% ในขณะที่ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 0.8%
ดัชนีหุ้นบลูชิพ Nifty 50 ของอินเดียลดลง 0.1% ในขณะที่ดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 0.6%
ข้อมูล CPI ของสหรัฐฯ ที่จะครบกำหนดในวันพฤหัสบดีนี้ คาดว่าจะให้ความกระจ่างมากขึ้นในเส้นทางแผนอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เนื่องจากเฟดส่งสัญญาณว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดระดับลง
แต่เนื่องจากธนาคารกลางได้ส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก ตลาดในเอเชียจึงมีแนวโน้มที่จะอยู่ภายใต้แรงกดดันต่อ
นักลงทุนต่างรอผลการเลือกตั้งกลางภาคของสหรัฐฯ เช่นกัน โดยผลการนับคะแนนในช่วงแรก บ่งชี้ว่าเป็นการแข่งขันที่สูสี ผลลัพธ์ดังกล่าวน่าจะส่งผลให้เกิดการติดขัดทางการเมืองสำหรับสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของนโยบายการคลัง