โดย Dhirendra Tripathi
Investing.com -- ตลาดหุ้นสหรัฐมีทิศทางหลากหลายในวันจันทร์ นักลงทุนซื้อขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่สำหรับหุ้นที่มักจะเชื่อมโยงกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
พลังงานพุ่งขึ้นมากกว่า 3% และหุ้นการเงินและอุตสาหกรรมก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หุ้นกลุ่มธนาคารได้รับความช่วยเหลือจาก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.5% ซึ่งแตะระดับดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วธนาคารกลาง เผยว่า สามารถเริ่มผ่อนคลายการซื้อพันธบัตรรายเดือนได้ภายในเดือนพฤศจิกายน และอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 เนื่องจากเศรษฐกิจมีความคืบหน้าในการฟื้นตัวจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19
ในการปราศรัยที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นีล คาชคารี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ แห่งมินนิอาโปลิส กล่าวว่า ธนาคารกลางให้ความสำคัญกับเป้าหมายที่ทำให้แน่ใจว่าชาวอเมริกันที่ว่างงานหลายล้านคนมีงานทำ
“การให้คนอเมริกันกลับมาทำงาน...สำหรับฉัน นั่นคือความสำคัญสูงสุดของเรา” คาชคารี กล่าวที่ Community Foundations Leading Change Fall Forum รอยเตอร์สรายงาน
ตามการรายงานของรอยเตอร์ส คาชคารี ยังกล่าวอีกว่า เฟดจะให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับอัตราเงินเฟ้อ และการมาณค่าที่ออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณถึงอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างถาวร เราไม่ต้องการตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นมากเกินไป
สัปดาห์นี้มีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจจำนวนมากที่สามารถช่วยให้เบาะแสนักลงทุนเกี่ยวกับสถานะการฟื้นตัวดังกล่าว ซึ่งรวมถึงอัตราเงินเฟ้อ ภาคการผลิต และการขอรับสวัสดิการว่างงาน สภาคองเกรสในสัปดาห์นี้จะต้องผ่านการจัดหาเงินทุนของรัฐบาล มิฉะนั้นอาจเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระและการปิดตัวของรัฐบาล
ภาพรวม S&P 500 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเจ็ดเดือนติดต่อกันสำหรับเดือนนี้
ต่อไปนี้คือ 3 ปัจจัยที่นักลงทุนควรรู้:
1. สถานการณ์ชิป
Micron Technology Inc (NASDAQ:MU) ผู้ผลิตชิปและเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูล คาดว่าจะรายงานผลประกอบการไตรมาสสี่ต่อหุ้นที่ 2.33 ดอลลาร์ จากรายรับ 8.22 พันล้านดอลลาร์ นักวิเคราะห์จะคอยรับฟังข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับความคืบหน้าในขณะที่บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกต่างรอคอยการสิ้นสุดของปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลก
2. ตัวเลขความเชื่อมั่น
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีแนวโน้มดีขึ้นในเดือนปัจจุบัน โดยคาดว่า รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (CB Consumer Confidence) จะขยับขึ้นเป็น 114.5 จาก 113.8 ในเดือนสิงหาคม รายงานเผยแพร่เวลา 10.00 น. ET (1400 GMT)
3. ที่อยู่อาศัย
ดัชนีราคาบ้าน S&P/Case-Shiller ซึ่งวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาขายบ้านเดี่ยวในเขตมหานคร 20 แห่ง ดัชนีดังกล่าวขยับขึ้นในเดือนกรกฎาคมเป็น 20% จาก 19.1% ในเดือนก่อนหน้า ข้อมูลออกมาเวลา 9.00 น. ET