โดย Gina Lee
Investing.com – ตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิกปรับตัวขึ้นในเช้าวันนี้ โดยเริ่มเปิดตลาดอย่างแข็งแกร่งจากการปรับตัวขึ้นของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และการที่ตลาดหุ้นสหรัฐทำสถิติใหม่เมื่อวานนี้
ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.36% เมื่อเวลา 21:45 น. ET (1:44 น. GMT)
ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 0.23% โดย ธนาคารแห่งประเทศเกาหลี จะตัดสินใจด้านนโยบายล่าสุดในวันพฤหัสบดี
ในออสเตรเลีย ดัชนี ASX 200 เพิ่มขึ้น 0.28% และ ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงเพิ่มขึ้น 0.66%
ดัชนี Shanghai Composite ของจีนเพิ่มขึ้น 0.22% และ ดัชนี Shenzhen Component เพิ่มขึ้น 0.88% ในขณะที่จีนยังคงเข้มงวดกฎระเบียบในภาคส่วนต่าง ๆ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐกล่าวว่า จะออกข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับบริษัทจีนมากกว่า 250 แห่งที่ซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐ
ในขณะเดียวกัน ดัชนี Nasdaq Golden Dragon China พุ่งขึ้นหลังจากหุ้น JD (NASDAQ:JD) (HK:9618) รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเมื่อวันอังคาร ดึงดูดบรรดานักลงทุนรายใหญ่กลับมา เช่น เคธี วู้ด
ในสหรัฐอเมริกา ดัชนี S&P 500 และ ดัชนี Nasdaq 100 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนหลังจากหุ้น Best Buy (NYSE:BBY) ที่พุ่งขึ้น 8% หลังจากรายงานความต้องการของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ก็มีการเริ่มต้นที่ดีเช่นกัน โดยราคา น้ำมันดิบ ยังคงอยู่เหนือระดับ 67 ดอลลาร์ จากรายงานของจีนที่ระบุว่าได้ขจัดปัญหาการระบาดของโควิดครั้งล่าสุดไปแล้ว รวมถึงความกังวลเรื่องความต้องการเชื้อเพลิงที่ผ่อนคลายลง โดยราคาแร่เหล็กก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน
ในตอนนี้ นักลงทุนมองไปที่การประชุมสัมมนาของเฟดที่เมือง Jackson Hole ซึ่งจะจัดขึ้นทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. ถึง 28 ส.ค.
“ตราบใดที่สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและรายได้ของบริษัทต่าง ๆ ยังคงดีขึ้น ตลาดก็มีแนวโน้มที่จะทนต่อความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับโควิด ตลาดจะมีความสมดุลมากขึ้นเมื่อนักลงทุนเคลื่อนไหวไปตามวงจรตลาด” ลอเร็น กู้ดวิน นักเศรษฐศาสตร์และนักยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนของ New York Life Investments กล่าวกับ Bloomberg
ในด้านข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ยอดขายบ้านใหม่ อยู่ที่ 708,000 ยูนิต เพิ่มขึ้น 1% ในเดือนกรกฎาคม และยังมีข้อมูลเพิ่มเติมตลอดช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยจะมีการประกาศตัวเลข GDP สำหรับไตรมาสที่สองในวันพฤหัสบดี และ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล พร้อมด้วยข้อมูล ยอดรายได้ และ ยอดการใช้จ่าย ส่วนบุคคล ในวันศุกร์นี้
ในขณะเดียวกัน สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาได้ลงมติอนุมัติงบประมาณ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปูทางให้วาระทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เดินหน้าต่อไป