โดย วณิชชา สุมานัส
Investing.com – ตลาดหุ้นไทย (SET) วันนี้ ยังเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์ ดาวน์ จากปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสำหรับในไทยเอง นักลงทุนพากันกังวลการยกระดับคุมเข้มโควิด-19 หลังยอดจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงแตะหลักหมื่นอีกวัน และขยายเวลาล็อกพื้นที่สีแดงเข้มเพิ่มเติม อยุธยา-ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี
นอกจากนี้ กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโอเปกและโอเปกพลัสมีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยให้ทยอยปรับเพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 400,000 บาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนส.ค.ไปจนถึงเดือนธ.ค.2564 ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง เป็นผลให้หุ้นไทยวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,520 – 1,580 จุด โดยโบรกเกอร์แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลและเครื่องมือทางการแพทย์ เนื่องจากผู้ประกอบการเตรียมประกาศผลงบประมาณไตรมาส 2
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ชี้ว่า ตลาดหุ้นไทยยังต้องเจอปัจจัยลบหลายอย่าง เช่น รมว.คลังสหรัฐเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งขึ้นนานหลายเดือนคาดว่าจะส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภค และ EU มีมติถอดไทยออกจากบัญชีรายชื่อกลุ่มประเทศที่มีความปลอดภัยที่สามารถเดินทางเข้า EU ได้ในช่วงสถานการณ์ระบาดโควิด-19
ยิ่งไปกว่านั้น โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์ GDP หลายประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2564 รวมถึงประเทศไทย เนื่องจากไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด
น.ส.วิลาสินี แนะเพิ่มเติมว่า การลงทุนหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและเครื่องมือแพทย์จะเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ เพราะผู้ประกอบการเหล่านี้จะประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 ในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตสูงจากฐานที่ต่ำในงวดเดียวกันของปีก่อน โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ได้แก่ CHG - EKHf - BCH - VIBHA - SMD และ TM
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาสูงขึ้น 19 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ 1,827 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากดัชนี CPI สหรัฐที่พุ่งขึ้น 5.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.0% นอกจากนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณว่า Fed จะเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณต่อไป โดยการที่ Fed จะลดวงเงิน QE จากระดับ 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือนนั้น จะยังไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
ในส่วนของเงินเฟ้อ ยังเป็นแค่ปัจจัยชั่วคราว จากการที่รัฐต่าง ๆ ทำการเปิดเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ก่อนที่จะปรับตัวลงเมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ กลับสู่ภาวะปกติ