โดย Gina Lee
Investing.com – ตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่เปิดตัวในแดนลบ ปิดท้ายสัปดาห์อย่างน่าผิดหวัง นักลงทุนเกรงว่าข้อมูลการจ้างงานเชิงบวกของสหรัฐฯจะทำให้ธนาคารกลางชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และขณะนี้นักลงทุนกำลังรอข้อมูลเพิ่มเติมที่จะเปิดเผยในช่วงสิ้นวัน
ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่น ลดลง 0.51% เมื่อเวลา 22:37 น. ET (2:37 น. GMT) การใช้จ่ายภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบเดือนต่อเดือน และ 13% เมื่อเทียบปีต่อปี ในเดือนเมษายน
ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ ลดลง 0.41%
ดัชนี ASX 200 เพิ่มขึ้น 0.06% โดยมีข้อมูล สินเชื่อบ้าน ได้รับการเผยแพร่ก่อนหน้านี้
ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง ขยับขึ้น 0.12% ดัชนี Shanghai Composite ของจีนลดลง 0.27% และ ดัชนี Shenzhen Component ลดลง 0.31%
SETเปิดตลาดช่วงเช้าลบ 4.57 จุด ที่ 1,612.98
ในสหรัฐอเมริกา ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีระบุว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลงมาอยู่ที่ 385,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขที่คาดการณ์โดย investing.com ที่ 390,000 และ 405,000 รายในช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ห้าสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด
ขณะนี้นักลงทุนกำลังรอข้อมูล การจ้างงานนอกภาคเกษตร ของเดือนพฤษภาคม ที่กำลังจะประกาศในวันนี้ ซึ่งอาจทำให้ตลาดผันผวนหากข้อมูลเบี่ยงเบนไปจากการคาดการณ์ นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานธนาคารกลางแห่งเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า ตลาดแรงงานอาจแย่กว่าอัตราการว่างงานที่คาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน
“ขณะะที่ทุกระบบดูเหมือนจะก้าวไปข้างหน้า เศรษฐกิจกำลังแสดงสัญญาณที่แท้จริงว่า นี่ไม่ใช่แค่การฟื้นตัว แต่การเติบโตกำลังรออยู่ข้างหน้า” ไม่ค์ โลเวนการ์ด กรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ E*Trade Financial บอกกับ Bloomberg
“นั่นหมายถึงอะไรน่ะเหรอ? มันน่าจะเป็นแรงกดดันให้เฟดเคลื่อนไหว บางทีอาจจะเร็วกว่าที่หลายคนคิดไว้แต่แรก”
นักลงทุนยังคงกังวลว่าแรงกดดันด้านราคาจะบีบให้เฟดปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในปัจจุบัน แม้ว่าเจ้าหน้าที่บางคนจะกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ปัญหาเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและธนาคารกลางจะคงนโยบายปัจจุบันไว้อีกระยะหนึ่ง
นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดแห่งนิวยอร์ก กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังห่างไกลจากระดับที่จะกระตุ้นให้เฟดลดการสนับสนุนภาคธุรกิจ แต่เขาเสริมด้วยว่า เฟดจำเป็นต้องเริ่มหารือเกี่ยวกับการลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว
เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ เห็นด้วยกับวิลเลียมส์ ในการย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นหารือ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจะเฝ้าติดตามการตอบสนองของจีนต่อคำสั่งที่ลงนามโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ในวันที่ 3 มิ.ย. โดยไบเดนได้แก้ไขคำสั่งห้ามสหรัฐลงทุนในบริษัทจีนและระบุชื่อบริษัท 59 แห่งที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมทางทหารหรือการเฝ้าระวังของจีน บริษัทที่ได้รับผลกระทบบางส่วน ได้แก่ Huawei, China Mobile (HK:0941), China Unicom (NYSE:CHU) และ China Telecommunications Corp.
คำสั่งดังกล่าวจะมีผลในวันที่ 2 สิงหาคม เวลา 02.01 น. ตามเวลานิวยอร์ก และนักลงทุนจะมีเวลาหนึ่งปีในการขายหุ้นทิ้งให้หมด