หุ้นในเอเชียระส่ำ ระหว่างเจรจานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

โดย Gina Lee

Investing.com - หุ้นในเอเชียแปซิฟิกมีความหลากหลายในเช้าวันศุกร์ เนื่องจากการเจรจาเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯยังคงดำเนินต่อไปในสภาคองเกรส

SET ของประเทสไทยลบเล็กน้อยในช่วงเช้าของวันที่ 18 ธันวาคม มาอยู่ที่ 1,479.92  ถือว่ายังทรงตัวอยู่ที่เดิมท่ามกลางค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น

Nikkei 225 ของญี่ปุ่นขยับลง 0.15% ภายใน 22:18 น. ET (3:18 AM GMT) ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ส่งมอบนโยบายก่อนหน้านี้โดยรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ -0.10%

KOSPI ของเกาหลีใต้ขยับขึ้น 0.17% ในขณะที่ออสเตรเลีย ASX 200 ลดลง 0.83%

Hang Seng Index ของฮ่องกงลดลง 0.66%

Shanghai Composite ของจีนเพิ่มขึ้น 0.05% ขณะที่ Shenzhen Component ขยับขึ้น 0.12%

มิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภากล่าวว่า ข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจสองฝ่ายของสหรัฐฯ ดูเหมือนจะใกล้แค่เอื้อม แต่มีแนวโน้มว่าจะต้องออกใบเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่าย $ 1.4 ล้านล้านสำหรับปีงบประมาณที่เริ่มในวันที่ 1 ตุลาคม ภายในวันศุกร์ก่อนการปิดตัวของรัฐบาล

จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 และผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มสูงขึ้นทั่วประเทศ กระตุ้นให้บางพื้นที่เข้มงวดกับมาตรการล็อคดาวน์ สภาคองเกรสอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ผ่านร่างพระราชบัญญัติการใช้จ่ายและบรรลุฉันทามติสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุด ท่ามกลางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจำนวนเพิ่มขึ้นสูงอย่างไม่คาดคิดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย จำนวนการเรียกร้อง ที่ยื่นเรื่องตลอดทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้นเป็น 885,000 คน มากกว่าการคาดการณ์ 800,000 และการเรียกร้อง 862,000 ครั้งที่ยื่นในสัปดาห์ที่แล้ว

นักลงทุนบางส่วนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว

ผู้นำในยุโรปกำลังเข้ารับการตรวจโควิด หลังจากไประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส พบเชื้อไวรัสโควิด -19

Pfizer Inc (NYSE: PFE) และ BioNTech SE (F: 22UAy) กำลังดำเนินการแก้ไขข้อมูลสำหรับวัคซีน COVID-19 BNT162b2 ของพวกเขาหลังจากมีรายงานอาการแพ้ยาในอลาสก้า .

ในขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามีกำหนดประชุมหารือเกี่ยวกับการอนุมัติการใช้งานในกรณีฉุกเฉินสำหรับวัคซีน mRNA-1273 ของ Moderna Inc (NASDAQ: MRNA) คณะที่ปรึกษาลงคะแนน 20-0 โดยงดออกเสียง 1 ครั้งในวันพฤหัสบดีเพื่อให้อนุมัติวัคซีนดังกล่าว

ข้อตกลงการค้าหลัง Brexit ระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดียังไม่มีวี่แววว่าจะจบลง และยังมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ