📈 คุณจะเริ่มลงทุนอย่างจริงจังในปี 2025 ไหม? เริ่มต้นก้าวแรกพร้อมรับส่วนลด 50% สำหรับสมาชิก InvestingProรับส่วนลด

ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุด เด้งรับข่าว "ทรัมป์" ผ่อนคลายนโยบายตั้งกำแพงภาษี

เผยแพร่ 07/01/2568 05:18
© Reuters.  ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุด เด้งรับข่าว "ทรัมป์" ผ่อนคลายนโยบายตั้งกำแพงภาษี
DJI
-
GM
-
F
-
STLAM
-

InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลต่อการทำสงครามการค้าของสหรัฐ หลังมีรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ มีแผนที่จะผ่อนคลายนโยบายการตั้งกำแพงภาษีนำเข้า

ณ เวลา 22.08 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 43,020.55 จุด บวก 288.42 จุด หรือ 0.67%

ทั้งนี้ สภาคองเกรสจะจัดการประชุมในวันนี้เพื่อให้การรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโดนัลด์ ทรัมป์

หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า นายทรัมป์มีแผนที่จะผ่อนคลายนโยบายการตั้งกำแพงภาษีของเขา โดยจะมีการจัดเก็บภาษีศุลกากรต่อทุกประเทศ แต่จะจำกัดเป้าหมายเพียงบางอุตสาหกรรม แทนที่จะเป็นการประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศในวงกว้าง

แหล่งข่าวระบุว่า นายทรัมป์กำลังหารือกับคนใกล้ชิดเกี่ยวกับแผนการตั้งกำแพงภาษี โดยเขาจะเล็งไปที่อุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติหรือต่อเศรษฐกิจสหรัฐเท่านั้น แทนที่จะเป็นการปรับขึ้นภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล หรือ universal tariffs ต่อทุกภาคอุตสาหกรรมจำนวน 10%-20% ตามที่เขาได้ประกาศในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

หุ้นกลุ่มยานยนต์พุ่งขึ้นขานรับรายงานจากวอชิงตัน โพสต์ โดยหุ้นบริษัทฟอร์ดและเจเนอรัล มอเตอร์ พุ่งขึ้นมากกว่า 2% ขณะที่หุ้นของสเตลแลนติสทะยานขึ้น 7%

นักลงทุนจับตาข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ในวันพรุ่งนี้ และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ในวันพุธ ก่อนที่จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 154,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.2%

นอกจากนี้ ตลาดจับตารายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 17-18 ธ.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธ

ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 9 ม.ค.2568 เพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อการถึงแก่อสัญกรรมของอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์

ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กมักปิดทำการเพื่อให้เกียรติต่ออดีตประธานาธิบดีสหรัฐที่ถึงแก่อสัญกรรม โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในเดือนธ.ค.2561 ขณะที่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ เฮอร์เบิร์ต วอล์คเกอร์ บุช ถึงแก่อสัญกรรม

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย