Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐทรงตัวในช่วงเย็นวันจันทร์หลังจากวอลล์สตรีททำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากความหวังต่อชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยขณะนี้ความสนใจกำลังมุ่งไปที่ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่จะเผยแพร่ในสัปดาห์นี้
หุ้นฟิวเจอร์สทรงตัวในขณะที่การพุ่งขึ้นของวอลล์สตรีทดูเหมือนจะเริ่มชะลอตัว แม้ว่าดัชนีหลักจะยังคงสร้างสถิติสูงสุดได้ วอลล์สตรีทยังคงพุ่งขึ้นหลังจากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
S&P 500 ฟิวเจอร์ส ขยับลงเล็กน้อยเป็น 6,028.00 จุด ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ทรงตัวที่ 21,208.75 จุด ณ เวลา 08:30 น. ( GMT+7) ด้าน ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ขยับลง 0.1% มาเป็น 44,394.0 จุด
ปริมาณการซื้อขายได้ชะลอตัวลงในวันจันทร์เนื่องจากเป็นวันหยุดวันทหารผ่านศึก (Veterans Day)
จับตาข้อมูล CPI และแถลงการณ์ของเจ้าหน้าที่เฟด
การพุ่งขึ้นของวอลล์สตรีทดูเหมือนจะเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากนักลงทุนต่างเริ่มระมัดระวังก่อนการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ที่สำคัญในวันพุธ
อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะยังคงทรงตัวในเดือนตุลาคมเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงก็อาจทำให้แผนของธนาคารกลางสหรัฐในการลดอัตราดอกเบี้ยต้องล่าช้าออกไป
ธนาคารกลางสหรัฐได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 25 จุดพื้นฐานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และย้ำว่าจะดำเนินการลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปโดยยึดตามข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับ
สัญญาณล่าสุดของอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงทำให้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยว่าจะลดลงได้มากเพียงใด โดยเทรดเดอร์คาดการณ์ถึงโอกาสในการลดดอกเบี้ยลงอีก 25 จุดพื้นฐานในเดือนธันวาคมนั้นอยู่ที่ 70.7% และโอกาสที่จะอัตราดอกเบี้ยจะยังคงเดิมนั้นอยู่ที่ 29.3% ตามข้อมูลจากเครื่องมือ Fedwatch ของ CME
นอกเหนือจากข้อมูล CPI ในสัปดาห์นี้ก็ยังมีการขึ้นกล่าวคำแถลงการณ์ของเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการของธนาคารกลางในเรื่องอัตราดอกเบี้ย
โดยมีทั้งคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐและ โทมัส บาร์กิน ประธานธนาคารกลางแห่งริชมอนด์ ที่มีกำหนดการณ์จะขึ้นพูดในวันนี้
วอลล์สตรีททรงตัวเมื่อแรงหนุนของทรัมป์เริ่มชะลอตัว
ดัชนีในวอลล์สตรีทยังคงทำสถิติสูงสุดในวันจันทร์ แต่ความเร็วของการเพิ่มขึ้นก็ดูเหมือนจะชะลอตัวลง เนื่องจากนักลงทุนต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ในสมัยที่สองที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจ
ทรัมป์คาดว่าจะออกนโยบายที่เน้นการปกป้องภายในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในการค้าและการเข้าเมือง ซึ่งนักวิเคราะห์เตือนว่านโยบายเหล่านี้อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในระยะยาว และส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยยังคงสูง
S&P 500 ขยับขึ้น 0.1% เป็น 6,001.35 จุดในวันจันทร์ ซึ่งเป็นการปิดเหนือระดับ 6,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ NASDAQ คอมโพสิต ขยับขึ้น 0.1% เป็น 19,303.57 จุด ขณะที่ ดาวโจนส์ ปรับขึ้น 0.7% มาเป็น 44,293.13 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ได้รับประโยชน์จากการลงทุนในภาคเศรษฐกิจที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนกำลังมองหานโยบายการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากทรัมป์